ข้อมูลเที่ยวจีน : พระราชวังโปตาลา (Potala Palace) เมืองทิเบต
“พระราชวังโปตาลา” ตั้งอยู่ที่กรุงลาซา เขตปกครองตนเองทิเบต ประเทศจีน ปราสาทนี้ถูกสร้างในลักษณะของวังซ้อนวัง พระราชวังวงนอกเรียกว่า วังขาว เพราะทาสีขาว สร้างเสร็จ ปี ค.ศ. 1648 พระราชวังชั้นในเรียกว่าวังแดง ได้ชื่อตามผนังที่ทาสีแดง สร้างที่หลังวังขาวเกือบ 50 ปี ปัจจุบันพระราชวังโปตาลากลายเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานสักการะ ภายในวังขาว มีสำนักงาน โรงเรียนศาสนา ส่วนวังแดงเป็นส่วนที่ยังใช้ประกอบพิธีกรรมอยู่ เป็นศูนย์รวมใจของโปตาลา
พระราชวังโปตาลา (Potala Palace)
พระราชวังโปตาลา ตั้งอยู่บนยอดเขาแดง บนความสูงประมาณ 300 เมตร พระราชวังโปตาลาแห่งนี้มีประวัติอันยาวนานมากว่า 1,300 ปี ที่มีความสวยงามและอลังการมาก มีห้องมากกว่า 1,000 ห้อง ซึ่งนับว่าเป็นศิลปสุดยอดฝีมือที่สวยงามที่สุดของทิเบต ภายในพระราชวังโปตาลานี้จะมีอาคาร 13 ชั้น สูงประมาณ 400 เมตร พระราชวังโปตาลา สร้างขึ้นมาในคริสตวรรษที่ 7 โดยกษัตริย์ ซงจ้าน กัมโป กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของทิเบต ที่รวบรวมชาวธิเบตให้เป็นอันหนี่งอันเดียวกันได้สำเร็จ ซึ่งแรกเริ่มก็เพียงแต่จะสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นป้อมและตำหนักเล็กๆให้แก่พระมเหสีเจ้าหญิงเหวินเฉิง (ประเทศจีน) และเจ้าหญิงภริคุติ (ประเทศเนปาล) ของพระองค์เท่านั้น แต่ต่อมาทรงใช้ป้อมแห่งนี้เป็นสถานที่ในการศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากที่พระองค์ได้เปลี่ยนความเชื่อถือจากการนับถือลัทธิบอน อันเป็นความเชื่อถือเก่าแก่แต่โบราณกาลของชาวธิเบตในสมัยนั้นเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ และทำให้พระพุทธศาสนา เริ่มวางหลักปักฐานในธิเบต และเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาตามลำดับ จนกระทั่งมีพระเป็นผู้ปกครอง ปัจจุบันนี้รูปทรงเดิมของป้อมและพระตำหนักดังกล่าวสองหลังนี้ก็ยังคงหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง ท่ามกลางสิ่งก่อสร้างที่ตบแต่งเพิ่มเติมใหม่ ที่ต่อเติมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน สำหรับสิ่งที่บูรณะซ่อมแซมเพิ่มเติม ในช่วงหลังๆมานั้นส่วนใหญ่จะซ่อมแซมบูรณะในสมัยขององค์ดาไลลามะที่ 5 ประมาณปี พ.ศ. 2188 ถึง 2236 (องค์ดาไลลามะองค์ปัจจุบันนี้คือองค์ที่ 14) เพื่อให้เป็นพระราชวังฤดูหนาว พระราชวังโปตาลาแห่งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนของพระราชวังสีขาว สีแดง และสีเหลือง สำหรับพระราชวังสีขาวนั้น เป็นส่วนของสังฆวาส สำหรับเป็นที่อยู่อาศัยของพระสงฆ์ โรงเรียน และโรงพิมพ์ ส่วนที่เป็นสีแดงนั้นจะเป็นส่วนของพุทธาวาส สำหรับปฏิบัติกิจของสงฆ์ ประกอบไปด้วยสถูปทองซึ่งภายในบรรจุพระศพขององค์ดาไลลามะทั้ง 8 องค์เอาไว้ และส่วนที่เป็นสีเหลืองที่ถูกเชื่อมโยงอาคาร เป็นที่ที่ประชุมสงฆ์ พระวิหาร โบสถ์ และห้องสมุดที่ใช้เก็บพระไตรปิฏก
พระราชวังโปตาลา (Potala Palace) พระราชวังโปตาลา หรือ หม่าปู้ยื่อซาน เป็นการตั้งชื่อเลียนเสียงโปตาลกะบรรพตในชมพูทวีป ที่ซึ่งชาวทิเบตเชื่อว่าเป็นที่สถิตขององค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร วังโปตาลา ตั้งอยู่บนยอดเขาแดง บนความสูงประมาณ 300 เมตร พระราชวังโปตาลาแห่งนี้มีประวัติอันยาวนานมากว่า 1,300 ปี ที่มีความสวยงามและอลังการมาก มีห้องมากกว่า 1,000 ห้อง ซึ่งนับว่าเป็นศิลปสุดยอดฝีมือที่สวยงามที่สุดของทิเบต ภายในพระราชวังโปตาลานี้จะมีอาคาร 13 ชั้น สูงประมาณ 400 เมตร พระราชวังโปตาลา สร้าง ขึ้นมาในคริสตวรรษที่ 7 โดยกษัตริย์ ซงจ้าน กัมโป กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของทิเบต ที่รวบรวมชาวทิเบตให้เป็นอันหนี่งอันเดียวกันได้สำเร็จ ซึ่งแรกเริ่มก็เพียงแต่จะสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นป้อมและตำหนักเล็กๆให้แก่พระ มเหสีเจ้าหญิงเหวินเฉิง (ประเทศจีน) และเจ้าหญิงภริคุติ (ประเทศเนปาล) ของพระองค์เท่านั้น แต่ต่อมาทรงใช้ป้อมแห่งนี้เป็นสถานที่ในการศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระ สัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากที่พระองค์ได้เปลี่ยนความเชื่อถือจากการนับถือลัทธิบอน อันเป็นความเชื่อถือเก่าแก่แต่โบราณกาลของชาวธิเบตในสมัยนั้นเปลี่ยนมา นับถือศาสนาพุทธ และทำให้พระพุทธศาสนา เริ่มวางหลักปักฐานในธิเบต และเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาตามลำดับ อย่างไรก็ตาม วังโปตาลาก็ประสบภัยพิบัติในเวลาต่อมา ในราวปี ค.ศ. 762 ในรัชสมัยของกษัตริย์ชื่อซงเต๋อจั๊น เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่เนื่องจากฟ้าผ่า ต่อมาอีกไม่ถึงร้อยปี ในรัชสมัยของกษัตริย์ หล่างต๋าหม่า (ค.ศ.838-842) พระองค์ไม่เลื่อมใสในศาสนาพุทธ จึงเกิดการทำลายล้างพุทธศาสนาเป็นการใหญ่ ท่ามกลางความไม่สงบและไฟสงครามจากพวกกบฎ วังโปตาลาประสบความเสียหายอย่างหนัก มีเพียงพอพระโพธิสัตว์กวนอิม และคูหาวิปัสสนาของราชันซงจั้นกันปู้เพียงสองส่วนเท่านั้น ที่เป็นสิ่งปลูกสร้างเหลือให้เห็นอยู่บ้าง ท่ามกลางสิ่งก่อสร้างที่ตบแต่งเพิ่มเติมใหม่ ที่ต่อเติมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่ถูกสร้างใหม่ในศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา พระราชวังโปตาลา เคยเป็นที่ประทับของมหาราชาและอัครเทวีในอดีต แต่พอในสมัยขององค์ทะไลลามะที่ 5 เป็นต้นมา วังโปตาลาก็เปลี่ยนเป็นที่ประทับของสงฆ์สูง กลายเป็นศูนย์กลางทางศาสนา ควบกับการปกครองและการบริหารราชการแผ่นดิน ปัจจุบันนี้ แม้องค์ทะไลลามะจะมิได้ประทับอยู่ที่วังแห่งนี้แล้ว ทว่าวังโปตาลาก็ยังพระพำนักอยู่เป็นจำนวนมาก เดือนธันวาคม ค.ศ. 1994 องค์การยูเนสโก ประกาศขึ้นทะเบียนพระราชวังโปตาลา เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม เป็นเหตุสำคัญให้นักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศทั่วโลก พากันหลั่งไหลมาเยือนกรุงลาซาของทิเบต โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่วังโปตาลา ด้วยวังโปตาลา เป็นศูนย์รวมของพุทธศาสนาแบบทิเบต และยังเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ ที่รวบรวมทั้งประวัติศาสตร์และสิ่งล้ำค่าอันเป็นมรดกของชาวทิเบตไว้อย่างน่าทึ่ง หากจะชมวังโปตาลาให้ทั่วถึง จะต้องใช้เวลาประมาณ 2.30-3 ชั่วโมง แต่การที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากอย่างล้นหลามในปัจจุบัน จึงอนุญาตให้ผู้ถือบัตร สามารถเดินชมภายในวังได้เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจากมีผู้เข้าชมมากเกินไป จึงต้องระบายคนเข้าออกให้สัมพันธ์กัน และนักท่องเที่ยวควรเชื่อฟังเคารพกฎและปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด
ส่วนประกอบหลักของพระราชวังโปตาลา
- ในปัจจุบัน วังโปตาลาประกอบด้วยสิ่งปลูกสร้างหลายส่วนบนเนินเขาแดง โดยส่วนที่เด่นเป็นสง่าที่สุด คือหอสีแดงตรงกลางสูง 13 ชั้น เรียกว่า “หงกง” แปลว่า วังแดง มีความสูงถึง 117 เมตร นับเป็นส่วนที่สูงที่สุดของวังแห่งนี้ โดยเมื่อรวมความสูงของเมืองลาซาที่วัดจากระดับน้ำทะเล ซึ่งอยู่ที่ 3,650 เมตรแล้ว ยอดสูงสุดของวังโปตาลาจึงอยู่ที่ 3,770 เมตรจากระดับน้ำทะเล
- วังแดง หรือ หงกง ใช้เป็นที่ประดิษฐานสถูปที่เก็บพระศพขององค์ทะไลลามะหลายพระองค์ อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของหอพระพุทธและพระโพธิสัตว์จำนวนมาก
- วังขาว หรือ ไป๋กง แปลว่า ใช้เป็นที่ประกอบพิธีศาสนา และบริหารราชการแผ่นดินของทิเบต ทั้งยังใช้เป็นที่ประทับในฤดูหนาว ขององค์ทาไลลามะตั้งแต่องค์ที่ 5 เป็นต้นมา
- วังโปตาลาที่ตั้งบนเขาเนินแดงนั้น ด้านหลังพิงทิศเหนือ หันด้านหน้าไปทางทิศใต้ จากด้านตะวันตกจรดด้านตะวันออก มีความยาวถึง 360 เมตร เฉพาะพื้นที่ใช้สอยของสิ่งปลูกสร้าง มีมากกว่า 130,000 ตารางเมตร หอสีแดงหรือ “วังแดง” ที่อยู่ใจกลางนั้น ขนาบด้วยอาคารสีขาวทั้งซ้ายและขวา ส่วนอาคารสีขาวทางด้านทิศตะวันตก ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวังขาว เป็นแต่เพียงอาคารที่พักของพระสงฆ์ ที่มีหน้าที่ดูแลและประกอบพิธีทางศาสนาในวังโปตาลา นอกจากนี้ ยังมีแผงกำแพงสีขาวขนาดใหญ่อีกส่วนหนึ่ง อยู่ด้านหน้าของ “วังแดง” กำแพงแผงนั้ใช้เป็นที่กางหรือขึงผ้า “ทังก้า” ขนาดใหญ่ ในช่วงที่มีเทศกาล “ไซ่โฝ” หรือเทศกาลกางผ้าพระกบณ กำแพงสีขาวนี้ ต่อเชื่อมกับบันไดหินที่เยื้องยักเฉียงไปเฉียงมา ซึ่งเป็นทางเดินขึ้นสู่วังโปตาลา
- วังโปตาลานี้ยังมีสถานที่อีกหลายแห่ง ที่รวมกันเป็นส่วนหนึ่งของวังโปตาลา อาคารสีเหลืองขนาดย่อมที่อยู่ระหว่างวังแดงและวังขาว เป็นที่เก็บผ้าทังก้าขนาดยักษ์ เพื่อใช้ในเทศกาลไซ่โฝ มีโรงพิมพ์พระคัมภีร์ โรงเรียนพุทธศาสนาอย่างทิเบต สวน และสนาม มีที่คุมขัง โดยทั้งหมดนี้ ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงลักษณะแบบกำแพงเมืองอีกชั้นหนึ่ง มีป้อมและประตูทางเข้าเป็นจุดๆ รวมทั้งมีทางให้รถยนต์วิ่งขึ้นไปถึงด้านหลังของเนินเขาแดงวังโปตาลา เพื่อสำหรับอนุเคราะห์พระสงฆ์ผู้สูงอายุ