ข้อมูลเที่ยวจีน : เที่ยวทะเลสาบ 5 สี จิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou)
เที่ยวทะเลสาบ 5 สี จิ่วไจ้โกวJiuzhaigou ประเทศจีน
จิ่วไจ้โกวมีพื้นที่กว่า 620 ตารางกิโลเมตร โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยป่าดึกดำบรรพ์ ท่ามกลางหุบเขาที่ทอดตัวยาว คดเคี้ยวไปมา โตรกธารลดเลี้ยวผ่านผาสูงและน้ำตกใหญ่น้อยต่างๆ ก่อให้เกิดเป็นทัศนียภาพอันตระการตาโดดเด่นด้วยสีสันของภาพภูมิทัศน์โดยรอบ”น้ำ”ถือเป็นจุดเด่นที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในบรรดาสุดยอดความงามของทัศนียภาพ ณ จิ่วไจ้โกวแห่งนี้ ทั้งในด้านรูปลักษณ์ สีสัน ความหลากหลาย อีกทั้งสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงามยิ่งใหญ่ เคยมีคำกล่าว ประโยคหนึ่งที่เขียนไว้ว่า “เมื่อกลับจากเขาหวงซานจะไม่ดูเมฆ ครั้นเมื่อกลับจากจิ่วไจ้โกวก็จะไม่ดูน้ำ ” ซึ่งมีความหมายแฝงว่าความงาม น่าประทับใจของสถานที่ทั้งสองแห่งดังกล่าวทำให้ไม่อยากมองที่อื่นอีกเลย จิ่วไจ้โกวมีทะเลสาบมากมาย แม้ทะเลสาบเหล่านี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่น้ำใสสะอาด ชาวทิเบตในท้องถิ่นเรียกว่า”ไห่จือ” หมายความว่า “ลูกผู้ชายแห่งท้องทะเล” ความงามพิสดารของท้องน้ำในจิ่วไจ้โกวนั้น มีสาเหตุมาจากการที่แหล่งน้ำในบริเวณนี้มีการสะสมของธาตุแคลเซี่ยมเจือปนอยู่ในปริมาณสูง อีกทั้งยังเกิดจากสาเหตุของพืชใต้น้ำ ที่สะสมอยู่จำนวนมาก ส่งผลให้ทะเลสาบและธารน้ำของที่นี่มีสีสันสดใส งดงามแปลกตา ธารน้ำในจิ่วไจ้โกวมีระยะทาง 50กว่ากิโลเมตร ตลอดแนวธารน้ำมีทั้งบึงน้ำทะเลสาบน้ำตกและโตรกธารหลายแห่งปรากฏ อยู่ สายน้ำสีเขียวสดใสงามแปลกตาเลี้ยวลดคดเคี้ยวอยู่ไปมาระหว่าง แมกไม้ ราวกับสายสร้อยมรกตที่ประดับบนอาภรณ์แห่งป่าเขาลำเนาไพร ทะเลสาบเลื่อมสลับลายและน้ำตก ที่สูงสง่าอลังการ ทำให้ผู้ทีไปเยือนแทบอาจจะไม่ละสายตาจากไปได้
จิ่วไจ้โกวตั้งอยู่บริเวณริมที่ราบสูงทิเบต ดินแดนที่ได้ชื่อว่า “หลังคาโลก”มีสภาพภูมิศาสตร์โดดเด่นทั้งยอดเขาหิมะสูงเสียดฟ้าและหุบ เขาลึก ด้วยสภาพภูมิประเทศที่มีความสูงต่ำแตกต่างกันอย่างมากมายนี้ เองที่ได้ทำให้สภาพภูมิอากาศและพืชพรรณสัตว์ป่าในบริเวณนี้มีความหลากหลายและสลับซับซ้อนอย่างยิ่ง ดังนั้นชนิดหรือพันธุ์ พืชของจิ่วไจ้โกวจึงมีความแตกต่างกันไปตามสภาพทางภูมิศาสตร์และตามอากาศของเขตนี้ โดยมีทั้งพันธุ์ไม้โบราณ พันธุ์ไม้หายาก พันธุ์ไม้ที่ขึ้นในป่าชื้นดึกดำบรรพ์ พันธุ์ไม้ที่ผ่านการปรับตัวทางพันธุกรรม และเฟิร์นชนิดต่างๆที่มีคุณค่ามากมาย ทั้งยังเป็นแหล่งชุมนุมของสัตว์ป่า และนกนานาชนิด ปัจจุบันมีพื้นที่ป่าธรรมชาติกว่า 3 พันตารางกิโลเมตร สัตว์และพันธุ์พืชกว่า 2,000 ชนิด สัตว์อนุรักษ์อีก 17 ชนิด รวมทั้งสัตว์ที่สงวนอย่าง แพนด้า กระทิง ค่างขนทอง ละมั่งลายจุด กวางปากขาว แพนด้าจิ๋ว ลิงกัง ไก่ฟ้า ห่านฟ้า เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นขุนเขา ป่าไม้ ลำน้ำ หรือหินทุกก้อนล้วนได้รับการเคารพนับถือจากชนเผ่าพื้นเมืองทิเบตและผืนป่าโบราณอันอุดมแห่งนี้จึงยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีจวบจนกระทั่งทุกวันนี้ จิ่วไจ้โกวมีสภาพภูมิศาสตร์โดดเด่นทั้งยอดเขาหิมะสูงเสียดฟ้าและหุบ เขาลึก ด้วยสภาพภูมิประเทศที่มีความสูงต่ำแตกต่างกันอย่างมากมายนี้ เองที่ได้ทำให้สภาพภูมิอากาศและพืชพรรณสัตว์ป่าในบริเวณนี้มีความ หลากหลายและสลับซับซ้อนอย่างยิ่ง ทำให้ชนิดหรือพันธุ์ พืชของจิ่วไจ้โกวก็มีความแตกต่างกันไปตามสภาพทางภูมิศาสตร์และตาม อากาศของเขตนี้
ความงามแห่งสีสันจากธรรมชาติอันยิ่งใหญ่และมีเอกลักษณ์แห่งนี้ได้สร้างชื่อเสียงให้จิ่วไจ้โกวไม่น้อยดังเช่นที่มีผู้ประพันธ์ท่านหนึ่งได้เคยพรรณาความงามของจิ่วไจ้โกวไว้ว่า”ทะเลสาบผุดขึ้นท่ามกลางหมู่แมก ไม้เขียวขจี น้ำใสเป็นประกายชุ่มฉ่ำ ยอดเขาประกายหิมะ ตัดกับท้องฟ้าใสสีครามสลับ ปุยเมฆขาวเบาบาง เงาไม้หลากสีสันต้องแสงแดดสะท้อนลงบนผิวน้ำใส ราวกระจกของทะเล สาบ เกิดเป็นภาพธรรมชาติอันงดงามที่แปรเปลี่ยนไป ตามฤดูกาลผลิ ร้อน ร่วง หนาว ไม่ว่ายามสงัดฟ้าใส หรือฝนตกฟ้าคะนอง ยามเช้าหรือยามเย็น หิมะโปรยหรือยามฝนพรำสีของน้ำในทะเลสาบก็จะ แปรเปลี่ยนไป บ้างเขียวครึ้ม ผสมน้ำเงินเข้ม บ้างฟ้าเขียวสดใส อีกทั้งสาหร่ายและพืชพรรณใต้น้ำที่สะท้อนเงาแดดต่างประชันขันแข่งกันให้สีเขียวมรกต เหลืองบุษราคัม ชมพูจนถึงแดงอ่อน ราวกับเพชรพลอยที่ส่องแสงสะท้อนบาดตา” ยามฤดูใบไม้ผลิมาเยือน แมกไม้ผลิดอกออกใบเป็นสีสันหลากหลาย ทั้งสีแดง เหลือง ม่วง ขาว ของดอกกุหลาบพันปี ต้นท้อและสาลี่ป่า สีขาวของลูกสาลี่ สลับกับใบอ่อนสีเขียวที่กำลังผลิดอกออกใบสะพรั่งใน ฤดูกาลนี้ เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนป่าทั้งผืน จะกลายเป็นสีเขียวไล่ระดับตั้งแต่สี เขียวอ่อน เขียวสดใส เขียวเจิดจ้า และเขียวเข้ม สะท้อนถึงความเข้มข้นของชีวิตอันอุดมในผืนป่าแห่งนี้ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมา เยือน ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่รอบทะเลสาบก็จะทยอยกันผลัดใบเปลี่ยนสีร่วงลง สู่ทะเลสาบ สร้างสีสันให้กับโลกใต้น้ำยิ่งกว่าภาพวาดที่จิตรกรจะสามารถ สรรค์สร้างขึ้น แต่งเติมได้ ป่าผลัดใบเป็นสีสันฉูดฉาด บ้างเป็นสีส้มเข้ม เหลืองอ่อน แดงชาด แดงเข้ม จนถึงแดงคล้ำ ใบไม้ที่ร่วงลงสู่ผืนดิน ทำให้เส้นทางที่ทอดตัวสู่ขุนเขากลายเป็นสีแดงฉาน ราวกับภาพวาดสีน้ำมัน บนผืนผ้าใบ เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ทุกหนแห่งถูกปกคลุมด้วยหิมะขาว สะอาดตา น้ำตกที่แข็งตัว มองไปแต่ไกลเห็นเป็นเส้นสาย หยดหยาดลงมาราวกับม่านสีเงิน ส่องประกายวิบวับในแสงแดดอ่อน ผืนป่าถูกปกคลุมด้วยหมอกขาวบางเบา ดูราวกับภาพฝันแสนงาม สายธารน้ำสีเงินผนึกตัวเป็นแผ่นน้ำแข็ง ราวกับกระเบื้องเคลือบชั้นดี ที่ประดับตกแต่งด้วยอัญมณีสีสดใสอยู่ภายใน คณะกรรมการมรดกโลกได้ประเมินคุณค่าของจิ่วไจ้โกวว่า มีระบบ นิเวศน์ที่มีลักษณะที่ต่างกัน คือนอกจากมีทิวทัศน์ธรรมชาติที่งาม ตระการตาแล้ว ยังมีนกและพันธุ์พืชป่าที่หายากหรือใกล้จะสูญพันธุ์ จำนวนมากจึงถูกจัดเข้าสู่รายชื่อมรดกโลกเมื่อปีค.ศ.1992และก็ยังได้รับ เลือกจากสหประชาชาติให้เป็นเขตอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตของโลกอีกด้วยเมื่อปีค.ศ. 1997 ทั้งสองราย เขตนี้จึงเป็นเขตที่ได้รับเกียรติยศว่า มีคุณลักษณะดีเด่นทั้งสองประเภทแห่งเดียวในโลก