ข้อมูลเที่ยวมาเก๊า : วัดเจ้าแม่อาม่า (A-Ma Temple)
วัดเจ้าแม่อาม่า (A-Ma Temple)
วัดอาม่า ภาษาอังกฤษก็เรียกตรงไปตรงมาว่า A-Ma Temple บางทีก็เรียกกันว่า ศาลเจ้าแม่ทับทิม คนมาเก๊าเองก็นิยมที่จะไปกราบไหว้เจ้าแม่อาม่า ซึ่งถือกันว่าเป็นเทพธิดาแห่งท้องทะเลผู้มีความศักดิ์สิทธิ์ ด้านหน้าวัดเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ทางทะเล ซึ่งจัดแสดงเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับท้องทะเลที่มีความเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของชาวมาเก๊า
วัดเจ้าแม่อาม่า หรือ ศาลเจ้าแม่ทับทิมตั้งอยู่บริเวณเขาบาร์รา สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายให้กับอาม่า องค์เทพธิดาแห่งท้องทะเล ภายในมีก้อนหินขนาดใหญ่ ซึ่งแกะสลักเป็นรูปเรือสำเภาโบราณ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงว่า เป็นจุดที่เจ้าแม่อาม่าย่างเท้าก้าวขึ้นสู่ผืนดินมาเก๊า บริเวณหน้าวัดมีรูปปั้นสิงโตหินอยู่ 2 ตัว เชื่อกันว่าหากใครได้หมุนลูกแก้ว ที่อยู่ในปากสิงโตไปทางขวา 3 ครั้ง พร้อมตั้งจิตอธิษฐาน แล้วจะสมหวังในสิ่งที่ปรารถนา นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกมากมาย เช่น ชาวมาเก๊าจะใช้เหรียญลูบหลังเต่าแล้วทำท่าเก็บเงินเข้ากระเป๋าเพราะเชื่อว่า จะนำโชคลาภมาให้ และส่วนใหญ่ชาวประมงก่อนออกเดินเรือจะต้องมาสักการะเจ้าแม่อาม่าเพื่อขอพร ให้เดินทางปลอดภัย นอกจากนี้ยังประกอบด้วยซุ้มประตูแห่งการรำลึก หอสวดมนต์ หอแห่งความเมตตา หอเจ้าแม่กวนอิม และศาลาเซิ้งเจ้าชานหลิน ที่ล้วนอุทิศให้แด่เทพศักดิ์สิทธิ์องค์ต่างๆ
ในช่วงเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมของทุกปี จะเป็นเทศกาลอาม่า (A-Ma Festival) บรรยากาศจะเต็มไปด้วยผู้คนและคึกคักอย่างมาก มีการจัดแสดงเชิดสิงโตอย่างสนุกสนาน วัดอาม่าเป็นตัวแทนอันน่ายกย่องที่ถ่ายทอดถึงวัฒนธรรมจีนที่หล่อหลอมอยู่ในความศรัทธาแห่งลัทธิเต๋า ขงจื้อ พุทธศาสนา และความเชื่อในเทพ ได้เป็นอย่างดี และ เขาว่ากันว่าพื้นที่แถวนี้คือจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์เมืองมาเก๊า และอีกอย่างหนึ่ง ทำไมคนมาเก๊าถึงนิยมกราบไหว้เจ้าแม่อาม่า ข้อสงสัยนี้จะหายไปถ้ารู้ว่าชื่อ มาเก๊า มีที่มาจากอาม่า นี่เอง ที่เห็นเป็นเส้นขด ๆ รูปทรงเจดีย์แขวนอยู่บนเพดาน อันนั้นคือ ธูป ที่คนนำไปบูชา ว่ากันว่าธูปยิ่งยาวก็จะยิ่งโชคดี อาม่าที่กราบไหว้กันนี้ ว่ากันว่าเป็นหญิงสาวชาวฟูเจียนชื่อ หลิงม่า วันหนึ่งนึกอยากจะข้ามฝั่งมาที่คาบสมุทรเอ้าเหมิน ซึ่งหมายถึงดอกลิลลี่ขาว เธอจึงขอโดยสารมากับเรือเล็ก ๆ ลำหนึ่งของชายชราชาวประมง แต่พอเรือมาถึงกลางทะเลก็เกิดพายุใหญ่ทำให้เรือหลายลำล่มจมลง แต่เรือของหลิงม่าก็มาถึงฝั่งได้อย่างปาฏิหาริย์ เมื่อเธอก้าวเท้าเหยียบฝั่ง เธอก็ตัวลอยขึ้นและหายลับไปในฟากฟ้า ชาวประมงทั้งหลายก็เลยเชื่อว่าเธอคือเทพธิดาแห่งท้องทะเล เลยเรียกดินแดนตรงนี้ว่า A-Ma Goa หมายถึง
อ่าวของอาม่า นานๆ เข้าเสียงก็เปลี่ยนไปเป็น มาเก๊า เขาว่ากันว่าเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบนเกาะมาเก๊าเลยทีเดียว
วัดแห่งนี้เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 - 18.00 น.