รู้ไว้ก่อนไปเที่ยว : วิธีดูแลผิว เทคนิคการดูแลผิวของคนชอบเที่ยว
รู้ไว้ก่อนไปเที่ยว : วิธีดูแลผิว เทคนิคการดูแลผิวของคนชอบเที่ยว
การเดินทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวเป็นค่านิยมของชาวไทยโดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศ ซึ่งนอกจากคุณจะต้องสัมผัสกับสภาพอากาศหนาวเย็นแล้ว การเดินทางข้ามภูมิภาคที่มีเวลาท้องถิ่นที่แตกต่างกันนั้น ย่อมทำให้เราผักผ่อนไม่เพียงพอ หรือเกิดอาการ jet lag ได้ การที่สภาพร่างกายปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศรอบตัวได้เร็วเท่าไรนั้น ก็จะทำให้คุณที่เดินทางไปท่องเที่ยว สนุกสนานไปกับการท่องเที่ยวได้มากขึ้นไปด้วย และแน่นอนว่าคุณจะได้ถ่ายภาพของตัวคุณเองได้ดูดี สวย หล่อ เก็บไว้เป็นความทรงจำที่น่าประทับใจในแบบที่คุณอยากได้ สิ่งที่เราจะมองข้ามไม่ได้เลยในการท่องเที่ยวนั่นก็คือ เมื่ออากาศเย็นคุณของคุณจะแห้งไปด้วย ซึ่งเมื่อผิวแห้งนั้น คุณควรที่จะดูแล บำรุงผิวของคุณเองอย่างถูกต้อง รู้หรือไม่ว่าความเย็นนั้นจะส่งผลให้ผิวหนังของคุณมีความชุ่มชื้นในชั้นผิวหนังน้อยลง ทำให้ผิวหยาบกร้าน และเหี่ยวย่นได้ก่อนวัยอันควร ยิ่งกว่านั้นยังทำให้ระดับการรับรู้ความรู้สึกของผิวหนังลดลงไปอย่างมากด้วยเช่นกัน ซึ่งหากคนที่แพ้อาจจะเกิดอาการผื่นลมพิษได้ และแน่นอนว่าผิวแห้งนั้นจะเกิดอาการคัน ระคายเคืองได้ง่ายขึ้นด้วย ซึ่งพบได้บ่อยว่าเมื่อเราเดินทางไปประเทศที่มีอุณหภูมิต่ำมากๆ อาจจะเกิดสิวอักเสบและริ้วรอยได้ การตรวจสอบสภาพอากาศและอุณหภูมิก่อนการท่องเที่ยว รวมทั้งการเลือกสวมใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมถือเป็นการดูแลผิว ปกป้องผิวจากความเย็นที่ถือเป็นเรื่องจำเป็นอันดับต้นๆ แต่นอกจากนี้ วันนี้เรายังมีเคล็ดไม่ลับของ การดูผลแลผิว มาให้คุณอ่านกัน เพื่อเตรียมตัวก่อนการเดินทาง ซึ่งมี 10 ครับ – วิธีดูแลผิว
1. วิธีดูแลผิว การพักผ่อนให้เพียงพอ
พักผ่อนให้เพียงพอ ทั้งก่อนเดินทางและเมื่ออยู่ในทริป การพักผ่อนจะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้รวดเร็วเซลล์เก่าจะถูก แทนที่ด้วยเซลล์ใหม่การนอนหลับที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่ สึกหรอได้รวดเร็วเซลล์เก่าจะถูกแทนที่ด้วยเซลล์ใหม่ การนอนหลับที่เพียงพอจะช่วยให้ผิวดูสดใสและเปล่งปลั่ง
2. วิธีดูแลผิว ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ โดยเฉพาะน้ำเปล่าที่ไม่เย็น ร่างกายของมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบถึงร้อยละ 60 ของน้ำหนักตัว และเมื่ออากาศหนาว ความชื้นในอากาศจะลดลงส่งผลให้ผิวแห้ง เกิดอาการระคายเคืองแตกเป็นขุยได้ง่าย ร่างกายจะดูดซึมน้ำเข้าสู่เซลล์เพื่อทดแทนส่วนที่ขาดหายไป ควรดื่มน้ำวันละ 1-2 ลิตร หรือ 8-10 แก้วใน 1 วัน
3. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ และเน้นอาหารที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง เช่น ถั่วเมล็ด เต้าหู้ ผักใบเขียว ผักสีส้ม สีเหลือง ผลไม้ที่มีสี เช่น ส้ม มะละกอ แอปเปิ้ล เบอรรี่ สาลี่ เป็นต้น
4. วิธีดูแลผิว การอาบน้ำ
การอาบน้ำ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกโดยเฉพาะไขมันที่เคลือบตามผิวหนังโดยน้ำที่อาบควรเป็นน้ำ ที่อุณหภูมิปกติและไม่ร้อนเกิน 34 องศาเซลเซียสโดยไม่ควรอาบน้ำที่เย็นจัดหรือร้อนจัดจนเกินไปในเวลาไม่เกิน 10 นาที จากนั้นเช็ดให้แห้งด้วยผ้าขนหนู และทาผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ในขณะที่ผิวยังชุ่มชื้นอยู่
5. วิธีดูแลผิว การล้างหน้า
การล้างหน้า ควรใช้น้ำเย็นแทนน้ำร้อน เพราะน้ำร้อนจะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น เช็ดหน้าอย่างนุ่มนวลหลังล้างหน้า หลีกเลี่ยงการขัดถูยิ่งเพื่อป้องกันผิวลอกเป็นขุย
6. การสระผม
การสระผม ไม่จำเป็นต้องสระทุกครั้งที่อาบน้ำ เพราะการสระผมด้วยแชมพูสระผมบ่อยเกินควรจะมีผลทำให้ผมแห้งแตกปลายได้ง่าย และทำให้หนังศรีษะแห้ง เมื่อสระผมควรใช้แชมพูปริมาณน้อยร่วมกับการใช้ครีมนวดผม หากมีผมแห้งมากควรใช้ครีมหรือน้ำมันบำรุงเส้นผมทาเคลือบที่ปลายผมบางๆ เพื่อลดประจุไฟฟ้าสถิตไม่ให้ผมชี้ฟู
7. ใช้ครีมทามือ
ใช้ครีมทามือ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นร่วมกับการสวมถุงมือจะทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นด้วย
8. ใช้ครีมกันแดด
ใช้ครีมกันแดด โดยเลือกครีมกันแดดที่มี SPF เหมาะสมเพื่อป้องกันรังสี UV และทาซ้ำได้เมื่อต้องอยู่กลางแดดเป็นระยะเวลานาน
9. ใช้ลิปมัน
ใช้ลิปมัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก สามารถทาซ้ำได้ตลอดเวลาเมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากเริ่มแห้ง
10. เตรียมอุปกรณ์บำรุงผิว
เตรียมอุปกรณ์บำรุงผิว เพื่อความสะดวกควรถ่ายจากภาชนะใหญ่สู่ภาชนะที่สามารถพกพาได้สะดวก เพื่อการจัดเก็บและนำติดตัวไปได้ง่ายขึ้น
a. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าชนิดเซรั่ม เนื่องจากผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มีเนื้อบางเบาซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ง่ายแล้ว ยังช่วยเร่งการฟื้นฟูผิวให้ดีชึ้นด้วย
b. การใช้ครีมบำรุง ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเนื้อเข้มข้นหรือที่เป็น Oil Base จะช่วยคงความชุ่มชื้นแก่ผิวได้มาก ควรเลือกทาครีมในช่วงก่อนนอน ช่วงเวลา 4 ทุ่ม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รูขุมขนเปิดกว้างขึ้น ทำให้เนื้อครีมซึมลึกขึ้น การใช้น้ำอุ่นปะพรมบนใบหน้าก่อนหรือทำให้ครีมบำรุงอุ่นขึ้นด้วยการถูฝ่ามือ หลังป้ายเนื้อครีมแล้วจากนั้นจึงค่อยลูบไล้ให้ทั่วผิวหน้า จะช่วยให้ครีมซึมซาบได้ดียิ่งขึ้น
c. มาส์คหน้า เลือกมาส์คหน้าในแบบที่เหมาะสมกับผิว โดยเลือกจากคุณสมบัติในการแก้ไขปัญหาผิวพรรณอาทิ เพื่อการทำความสะอาดขจัดสิ่งสกปรก เพื่อยกกระชับผิว หรือเพื่อฟื้นบำรุงผิว มาส์คบางประเภทเป็นชนิดทาพอกทิ้งไว้ รอแห้งแล้วล้างออก และก็ไม่ควรทิ้งไว้นานกว่าเวลาที่กำหนด เพราะจะทำให้ผิวแห้งเกินไปเกิดอาการระคายเคือง หรือบางชนิดเป็นเนื้อเจล รอให้แห้งแล้วลอกออก เพื่อดูดซับสิ่งสกปรก ไม่ควรเกินสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
d. สครับผิวหน้า ควรทำอาทิตย์ละครั้ง ใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวหน้าสูตรอ่อนโยนล้างหน้าให้เปียก แล้วขัดให้ทั่วใบหน้าประมาณ 1 นาที อย่างเบามือ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
e. สครับผิวกาย หรือการขัดผิวเพื่อเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่ระคายเคืองต่อผิว การสครับผิวกายไม่ควรทำบ่อยเกินเดือนละ 2 ครั้ง หากหลังทำผิวลอกเป็นขุย มีอาการคัน แสบหรือผิวแดงควรเว้นระยะเวลาในการขัดผิวไปก่อน
Credit : re-bornmask