สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาหารที่ต้องลองรับประทานและการเดินทางในอิยิปต์
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
หมู่พีระมิดแห่งกิซ่า
พีระมิด (Pyramid)
ในประเทศอียิปต์ มีมากมายหลายแห่งด้วยกัน แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดจนอาจนับเป็นตัวแทนของพีระมิดอียิปต์ทั้งมวล ได้แก่ หมู่พีระมิดแห่งกิซ่า (Giza Pyramid Complex)ไปด้วย
พีระมิดคูฟู (Khufu)
หรือ มหาพีระมิดแห่งกิซ่า (The Great Pyramid of Giza) หนึ่งเดียวในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบัน มีขนาดใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในหมู่พีระมิดแห่งกิซ่า
พีระมิดคาเฟร (Khafre)
ตั้งอยู่ตรงกลางของพีระมิดทั้ง 3 และสร้างอยู่บนพื้นที่สูง ทำให้ดูเหมือนมีขนาดใหญ่ที่สุด และมีบางคนเข้าใจผิดว่าพีระมิดคาเฟรคือมหาพีระมิดแห่งกิซ่า ทางทิศตะวันออกของพีระมิดคาเฟรมี มหาสฟิงซ์ (The Great Sphinx of Giza) หินแกะสลักขนาดมหึมาที่มักปรากฏในภาพถ่ายคู่กับพีระมิดคาเฟร
พีระมิดเมนคูเร (Menkaure)
ขนาดเล็กที่สุดและเก่าแก่น้อยที่สุดในหมู่พีระมิดแห่งกิซ่า จากตำแหน่งการก่อสร้างทำให้คาดได้ว่า เดิมอาจตั้งใจสร้างให้มีขนาดใกล้เคียงพีระมิดคูฟู และพีระมิดคาเฟรแต่ในที่สุดก็สร้างในขนาดที่เล็กกว่า พีระมิดเมนคูเรมักปรากฏในภาพถ่ายพร้อมกับหมู่พีระมิดราชินีทั้ง 3 (The Three Queen's Pyramids)
พีระมิดทั้งสามสร้างเรียงต่อกันเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกของกรุงไคโร เมืองหลวงของประเทศอียิปต์ในปัจจุบัน ด้วยโครงสร้างใหญ่โตและลักษณะรูปทรงเรขาคณิตเฉพาะตัว ทำให้สามารถสังเกตเห็นได้จากระยะไกล ทั้งนี้แม้แต่จากภาพถ่ายดาวเทียม
พีระมิดแดง
พีระมิดแดง (Red Pyramid) สร้างโดยฟาโรห์สนอฟรู หลังจากพีระมิดเมดุม และพีระมิดหักงอ นับเป็นพีระมิดที่มีรูปร่างสมบูรณ์แบบแห่งแรกของโลก ด้านทั้ง 4 ของพีระมิดแดงทำมุมเอียง 43 องศาเท่ากับมุมเอียงในส่วนบนของพีระมิดหักงอ ซึ่งเท่ากับมีการนำบทเรียนจากการสร้างพีระมิดครั้งก่อนมาใช้นั่นเอง
พีระมิดแดงมีความสูงถึง 104 เมตร (341 ฟุต) หรือประมาณอาคารสูง 30 ชั้น (เมื่อคิดความสูงที่ชั้นละ 3.5 เมตร) ฐานพีระมิดแต่ละด้านยาว 220 เมตร (722 ฟุต) หรือมีขนาดฐานเกือบเท่ากับมหาพีระมิดคูฟูแห่ง กิซ่า นับเป็นพีระมิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพีระมิด 3 แห่งที่เมืองดาชูร์ (Dahshur) และในยุคสมัยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จยังนับเป็นสิ่งก่อสร้างสูงที่สุดในโลกใน ขณะนั้นอีกด้วย และเนื่องจากพีระมิดนี้สร้างโดยปิดผิวนอกด้วยหินแกรนิตสีแดงทำให้ได้ชื่อว่า พีระมิดแดงจากสีหินแกรนิตนั่นเอง
วิหารลักซอร์
วิหารลักซอร์ ( Luxor Temple ) “Luxor” เป็นภาษาอารบิก มีความหมายตรงกับภาษาอังกฤษว่า “Castle” เมืองลักซอร์แตกต่างจากกรุงไคโรโดยสิ้นเชิง ไม่แออัดด้วยจำนวนประชากรตั้งอยู่ในส่วนที่เรียกว่า Upper Egypt สะอาด สงบ ทิวทัศน์งาม โรแมนติก สร้างโดยฟาโรห์อเมโนฟิสที่ 3 พระองค์สร้างวิหารแห่งนี้พร้อมกันกับการบูรณะต่อเติมวิหารคาร์นัคไปด้วย หากนับอายุวิหารนี้ถึงปัจจุบัน จะมีอายุร่วม 3,400 ปีมาแล้ว และได้รับการปฏิสังขรณ์สานต่อจากฟาโรห์องค์ต่อมาหลายองค์ แต่ที่เด่นที่สุดฟาโรห์รามเสสที่ 2
ที่นี่เปรียบเสมือนบ้านที่สองเพื่อการพักผ่อนของเทพอะมอนราและครอบครัว คือเทวีมัต ( Mut ) และเทพคอนส์หรือ คอนชู ( Khonsu )องค์เดียวกัน และวิหารแห่งนี้ยังถูกจัดให้เป็นสถานที่เพื่อทำพิธีบูชาเทพเจ้าในช่วงเทศกาล โอเป็ต โดยเฉพาะด้านหน้าวิหารถูกประดับด้วยสฟิงซ์ ( Sphinx ) หน้าคนสองข้างทาง เรียกว่า Court of Nectanebo I ซึ่งก็คือทางเดินที่อยู่ระหว่างเสาโอเบลิสก์ ( Obelisk ) กับ ทางเดินสฟิงซ์ ( Sphinx ) นั่นเอง โดยสฟิงซ์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ลำดับที่ 30 โดยฟาโรห์ Nectanebo I (หนังสือบางเล่มกล่าวว่า การ สร้างถนน Sphinx เส้นนี้เริ่ม ตั้งแต่สมัยราชอาณาจักรใหม่ แต่ว่าไปเสร็จสิ้นในสมัยฟาโรห์ Nectanebo I ) วิหารลักซอร์ ( Luxor Temple ) ตั้งอยู่ทางใต้ของวิหารคาร์นัค โดยแต่เดิมในอดีตนั้นเส้นทางนี้สามารถเชื่อมต่อถึงวิหารคาร์นัคด้วยถนนแคบ ๆ ระยะทางห่างจากคาร์นัคราว 3 กิโลเมตร
มหาวิหารคาร์นัค ( Great Temple of Karnak )
มหาวิหารคาร์นัค (Great Temple of Karnak) เป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดของอียิปต์ เรื่องราวและร่องรอยแห่งอารยธรรมที่แท้จริงของอียิปต์โบราณทั้งทางด้านศิลปะ และวัฒธรรมของคนในยุคนั้นได้บ่งบอกไว้ในซากปรักหักพังของมหาวิหารคาร์นัคอัน ยิ่งใหญ่และกว้างใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้เอง
มหาวิหารคาร์นัคอยู่ห่างจากศูนย์กลางตัวเมืองคือ ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของวิหารลักซอร์ประมาณ 2.6 กิโลเมตร สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพเจ้าอะมอนราเช่นเดียวกันกับวิหารลักซอร์ และเพื่อเป็นสถานที่จัดพิธีกรรมเกี่ยวกับความเชื่อของอียิปต์โบราณ ดังนั้นวิหารทั้งสองจึงมีความเกี่ยวพันกันเกี่ยวกับการประกอบพิธีกรรมทาง ศาสนา ในอดีตจึงมีเส้นทางถนนเชื่อมต่อถึงกันและสองข้างทางเข้าสู่กำแพงชั้นที่ 1 จะถูกประดับด้วยตัวสฟิงซ์ (Sphinx) นั่งหมอบเรียงรายตลอดความยาว 2.6 กิโลเมตรอย่างอลังการ
วิหารคอมออมโบ
วิหารคอมออมโบ (Kom-Ombo) ชื่อเรียกของวิหารนี้มาจากการค้นพบวิหารข้างหมู่บ้านที่ชื่อ kom om bo (ชื่อเกือบทั้งหมดหรือทั้งหมดของวิหารตั้งโดยคนพื้นเมือง) วิหารคอมออมโบอยู่ด้านตะวันออกฝั่งของคนเป็นอยู่ระหว่าง Aswan กับ Edfu อยู่ทางเหนือของ Aswan ขึ้นไปประมาณเกือบ 50 km ใกล้ๆ Unfinished obelisk (Aswan เป็นที่ตั้งของ Unfinished Obelisk ของ Hatshepsut)
วิหารคอมออมโบหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้โดยหันหน้าเข้าแม่น้ำไนล์ วิหารนี้มีความพิเศษมาก ๆ คือ จริง ๆ มันคือวิหาร 2 วิหารที่สมมาตรกันด้วยการออกแบบสถาปัตยกรรมของวิหารนี้จึงออกมาลงตัวและสวยงามอย่ามาก
วิหารหนึ่งเป็นของเทพฮาโรริส (Haroeris หรือ Harwer) หรือโฮรัสผู้ชรานั่นเอง ซึ่งเป็นเทพที่คาดว่าเกิดในช่วงปโตเลมี ส่วนอีกวิหารคือของโซเบค (Sobek) จากแผนผังจะเห็นห้องบูชาด้านใน (เลข 8) ของวิหาร Kom-Ombo นี้มี 2 ห้องติดกัน ด้านซ้ายเป็นของเทพ Harwer ด้านขวาคือของเทพ Sobek ครับ วิหารนี้เทพทั้ง 2 มีความสำคัญเท่าเทียมกันครับ
วิหารฮัทเซปสุต
ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 และยังคงตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ก็เป็นอีกสถานที่สำคัญในเมืองนี้ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว มหาวิหารแห่งนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิหารกอธิกที่ใหญ่ที่สุดในอียิปต์ และยังเชื่อกันอีกว่าลักษณะสถาปัตยกรรมแบบกอธิกภายในมีความสวยงามที่สุดในทวีปยุโรป ลักษณะเด่นภายในซึ่งมีอยู่ 3 ตำแหน่ง ซึ่งว่ากันว่าเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดโดยเด็ดขาด หลังคาพัดภายในมหาวิหารบาท ตำแหน่งแรกก็คือ เพดาน ที่มีชื่อเรียกว่า “เพดานพัด (Fan Vault)” โดยเพดานพัดนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบกอธิกซึ่งลักษณะสันของเพดานแยกออกไปเป็นแฉกคล้ายรูปพัด และต้องบอกว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีเฉพาะในประเทศอียิปต์เท่านั้น ตำแหน่งต่อมาก็คือ หน้าต่าง ที่มีลักษณะของงาน “กระจกสี (Stained Glass)” ซึ่งได้มีการนำกระจกสีมาตกแต่งหน้าต่างของมหาวิหาร และยามที่แสงแดดสาดส่องลงมาจะมีความสวยงามเป็นอย่างมาก และในตำแหน่งสุดท้ายก็คือ ผนังของมหาวิหารที่เต็มไปด้วยสุสาน โดยเชื่อกันว่าที่มหาวิหารแห่งนี้มีสุสานมากที่สุดในอียิปต์
เขื่อนกั้นน้ำ Aswan High Dam
เขื่อนกั้นน้ำ Aswan High Dam ซึ่งสร้างโดยรัสเซียเมื่อปี ค.ศ.1960 และมาเสร็จตอนกลางปี ค.ศ.1968 ใช้เงินไปร่วมพันล้านเหรียญ เป็นเขื่อนขนาดยักษ์สูงถึง 365 ฟุต และยาว 3,280 ฟุต ขวางกั้นแม่น้ำไนล์ทั้งสาย ทำให้เกิดทะเลสาบ Lake Nasser ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกรียรติแก่ประธานาธิบดีของอียิปต์ Gamal Abdel Nasser เป็นทะเลสาบใหญ่มาก คือยาวถึง 200 ไมล์ และกว้าง 10 ไมล์ เรียกว่าในกระบวนทะเลสาบที่มนุษย์สร้างขึ้นแล้ว มันใหญ่เป็นที่สองของโลก(ที่หนึ่งคือทะเลสาบที่เกิดจากเขื่อน Kariba Dam กั้นแม่น้ำ Zambesi ในประเทศ Zambia)
เขื่อนอัสวานสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มผลผลิตทางเกษตร และเมื่อติดกตั้งเครื่อง Turbines 12 เครื่องเสร็จในปี ค.ศ. 1970 แล้วสามานรถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึงหมื่นล้านกิโลวัตต์ต่อปี ทำให้หมู่บ้านถึง 100 แห่งมีกระแสไฟฟ้าใช้เป็นครั้งแรก จึงพอเรียกได้ว่าดครงการเขื่อนกั้นน้ำแห่งนี้เป็นดครงการ "ลดความหิวโหย" ของชาวอียิปต์อย่างแท้จริง
พิพิธภัณฑ์ ของกรุงไคโร
พิพิธภัณฑ์ ของกรุงไคโร นับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ของโลกที่เก่าแก่ที่สุดมานานและมีชื่อเสียง เนื่องจากเป็นสถานที่เก็บรักษาวัตถุโบราณที่ถูกค้นพบจากที่ต่างๆ จากหลายยุคสมัย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยท่านเมเรียต ออกัสท์ นักเชี่ยวชาญวัตถุโบราณ ชาวฝรั่งเศษ เริ่มเปิดขึ้นวันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ 1902
จาก ประวัติศาสตร์อียิปต์ได้กล่าวว่า ในสมัยปี ค.ศ 1826 ได้มีการสร้างพิพิธภัณฑ์ชั่ว คราว ณ ริมฝั่งสระเอซเบก แต่กษัตริย์สมัยนั้นกลับ ไม่เห็นความสำคัญ นำวัตถุโบราณ มอบเป็นของกำนัลแก่นักบริหาร และข้าราชการชั้นสูงชาวยุโรป ทำให้วัตถุโบราณเหลือ น้อยลงมาก โดยเฉพาะในปีค.ศ. 1855 จักรพรรดิมิกส์มิเลียนชาวออสเตรีย ได้นำวัตถุ โบราณจากอียิปต์เป็นของกำนัลกลับประเทศ จากท่านเคเดวีย์อับบาสบาชา เมื่อครั้นมา เยือนอียิปต์ ทำให้ชาวอียิปต์ต่างเศร้าสลดใจอย่างมาก และปัจจุบัน วัตถุเหล่านั้นก็ยังอยู่ ณ กรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย
อาบู ซิมเบล (Abu Simbel)
อาบู ซิมเบล (Abu Simbel) เป็นมหาวิหารของอียิปต์โบราณอัน ประกอบขึ้นจากหินขนาดใหญ่สองก้อน มีลักษณะเป็นรูปปั้นองค์ฟาโรห์ทั้งสี่ ส่วนองค์ที่สองถล่มลงเนื่องจากแผ่นดินไหว ตั้งอยู่ทางใต้ของอียิปต์ บนริมฝั่งตะวันตกของทะเลสาบนัสซอร์ ระยะทางประมาณ 290 กิโลเมตรจากอัสวาน และเป็นโบราณสถานหนึ่งในมรดกโลกขององค์การยูเนสโก นอกจากนี้ยังรู้จักกันในนาม อนุสรณ์สถานแห่งนูเบียน แต่เดิมมหาวิหารถูกก่อสร้างโดยการเจาะแกะสลักเข้าไปในภูเขาหินในช่วงรัชสมัยของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ในช่วงศตวรรษที่ 13 ก่อนคริสตกาล และยังเป็นอนุสรณ์สถานแห่งสุดท้ายของพระองค์และพระมเหสีของพระองค์นั้นคือพระนางเนเฟอร์ทารี ซึ่งอาบู ซิมเบล ยังมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองกับชัยชนะของอียิปต์ที่มีต่อนูเบียที่สมรภูมิแห่งคาเดส อีกทั้งเพื่อเป็นการข่มขู่นูเบียไม่ให้มารุกรานอียิปต์ซึ่งเป็นอาณาจักรใกล้ เคียง อย่างไรก็ตามมหาวิหารทั้งหมดถูกเคลื่อนย้ายโดยคณะวิศวกรจากสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งใช้เวลาตลอดทั้งทศวรรษที่ 1960 เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาน้ำท่วมจากการสร้างเขื่อนอัสวาน อันจะส่งผลให้มหาวิหารและโบราณสถานที่รายรอบอยู่ต้องจมอยู่ก้นทะเลสาบนัสซอร์ ปัจจุบันมหาวิหารเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากและโด่งดัง แห่งหนึ่งของอียิปต์ ซึ่งครั้งหนึ่งนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันและญี่ปุ่นเคยถูกลอบสังหารขณะเดินทาง ไปยังสถานที่แห่งนี้
เมมฟิส Memphis
เมมฟิส เป็นเมืองหลวงโบราณของ อเนบ-เฮทช์ ที่เป็น นอม(ชื่อเรียกเมือง หรือ อำเภอ ในอียิปต์โบราณ) แห่งแรกของอียิปต์ล่าง ซากปรักหักพังของเมืองตั้งอยู่ใกล้กับเมืองเฮลวาน ทางใต้ของกรุงไคโร
ตามตำนานของ มาเนทโธ เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นโดยฟาโร เมเนส เมื่อประมาณ 3000 ปีก่อนคริสตศักราช และยังเป็นเมืองหลวงและเมืองสำคัญของอียิปต์และเมดิเตอร์เรเนียนโบราณ ซึ่งตั้งอยู่ที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ และเป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญมากทางด้านการค้าและศาสนา
เมมฟิสเป็นเมืองที่บูชาเทพเจ้าพทาร์ ซึ่งมีวิหารอันยิ่งใหญ่คือ Hout-ka-Ptah ซึ่งเขียนและออกเสียงในภาษากรีกเป็น Ai-gy-ptos หรือ ไอยคุปย์ ซึ่งได้กลายมาเป็น อียิปต์ ชื่อภาษาอังกฤษในปัจจุบัน
ซากโบราณสถานที่เมืองเมมฟิสนี้ ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี รวมไปถึงยังได้รับการประกาศให้เป็น เมืองมรดกโลก อีกด้วย
อาหารอิยิปต์ ที่ได้มีโอกาสเที่ยวอิยิปต์แล้วจะต้องรับประทาน
โคชารี (Koshary) เป็นอาหารที่เป็นที่นิยมมากในอียิปต์ ประกอบไปด้วย ข้าว ถั่วเขียว มักกะโรนี โรยหน้าด้วย กระเทียม น้ำส้มสายชู ซอสมะเขือเทศชนิดเผ็ด (แซลซ่า : Salsa) โดยจะมี หอมหัวใหญ่ทอดเป็นเครื่องเคียง โคชารี โดยทั่วไปจะเป็นอาหารมังสวิรัส แต่จะมีการใส่อาหารจำพวกเนื้อเข้าไปในภายหลัง ซึ่งทำให้เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอีกชนิดหนึ่งของอียิปต์
คิบเบห์ (Kibbeh/Kibbe/Kubbeh) เป็นอาหารสไตล์ อาหรับ ในดินแดน อาหรับเลแวนต์ ซึ่งประกอบไปด้วย ซีเรีย ปาเลสไตน์ เลบานอน จอแดน และไซปรัส ทำจากข้าวสาลีบด หรือ ข้าวเจ้า กับเนื้อสัตว์หันเป็นชิ้น ชนิดที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด เป็น ทรงตอร์ปิโดยัดไส้ด้วยเนื้อวัวบด หรือ เนื้อแกะบด ซึ่งรูปทรงของ คิบเบห์นั้นสามารถ ทำเป็นรูปทรงกลมคล้าย ลูกบอลอีกด้วย
รถไฟ : ในการเดินทางด้วยรถไฟนั้น สามารถเดินทางได้จากกรุงไคโรไปยังเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ การจองตั๋วนั้น การรถไฟของอียิปต์ไม่มีเวบไซต์ให้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องไปทำการจองที่สถานีหรือทำการโทรเข้าไปเพื่อทำการจองโดยตรง
ระบบไฟฟ้า : อียิปต์ใช้กระแสไฟฟ้าแบบ 220 V ความถี่ 50 Hz ปลั๊กเป็นแบบหัวกลม 2 ขา หากนักท่องเที่ยวต้องการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศไทยไปใช้ที่นั่น กรุณานำตัวแปลงปลั๊ก ที่ใช้ได้กับปลั๊กไฟทั่วโลกติดตัวไปด้วย
อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ต์ : อียิปต์มี Internet cafe อยู่ทั่วไปและราคาไม่แพง จึงจะสะดวกในการติดต่อทางอีเมล์ สำหรับการใช้อินเตอร์เนตมีทั้งแบบที่เปิดให้ใช้ฟรี แต่เสียค่าชั่วโมงเอง (ซึ่งค่อนข้างแพง) และอินเตอร์เน็ตความ เร็วสูงที่เสียค่าบริการเป็นรายเดือนไว้ให้บริการ ในอียิปต์มี ISP (Internet Service Provider) หลายรายซึ่งมีค่าบริการแตกต่างกันไป
โทรศัพท์ : รหัสของ ประเทศอียิปต์คือ +20 เมื่อจะให้คนที่อยู่เมืองไทยติดต่อมาที่อียิปต์จะต้องกดรหัสนี้ก่อน แต่ถ้าจะโทรกลับเมืองไทย ต้องโทรโดยใช้บัตรโทรศัพท์ หรือโทรจากโรงแรมในอียิปต์ที่ท่านไปพักก็ได้เช่นกัน