ข้อมูลทั่วไปและสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในกัมพูชา
ข้อมูลทั่วไปประเทศกัมพูชา
ภูมิอากาศ
โดยทั่วไปคล้ายๆ กับสภาพอากาศในเมืองไทย แต่จะแห้งและร้อนกว่านิดหน่อย อุณหภูมิประมาณ 24-35 องศา ฤดูฝนจะอยู่ในช่วง พฤษภาคม-ตุลาคม และช่วงหน้าแล้ง หรือหน้าหนาวประมาณ พฤษจิกายน-เมษายน
เงินตรา
แนะนำว่าควรใช้ USD หรือเงิน Riel ซึ่งเป็นสกุลเงินของกัมพูชา สามารถแลกได้ที่ ธนาคารหรือตามตลาดใหญ่ๆ ธนาคารจะปิดทำการวันเสาร์, อาทิตย์ และวันหยุดราชการ
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของกัมพูชา
เมืองเสียมเรียบ
ปราสาทปักษีจำกรง : ปราสาทหลังขนาดย่อม อยู่ตรงทางเข้านครธม
สะพานนาคราช : สะพานข้ามเพื่อเข้าสู่นครธม สร้างขึ้นตามความเชื่อทางศาสนา ด้านหนึ่งเป็นศิลาสลักเป็นรูปเทวดากำลังฉุดนาค ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นรูปอสูรซึ่งมีขนาดใหญ่มากกว่า 5 เท่าคนจริงรวมกันถึง 108 ตน นำชม ประตูเมือง ที่มียอดเป็นรูปพระโพธิสัตว์หันพระพักตร์ไปทั้ง 4 ทิศที่วิจิตรพิศดารกว่าในประตูเมืองต่างๆ ที่ท่านเคยพบมา
ปราสาทบายน : ศูนย์กลางของอังกอร์ธมหรือนครธม ยอดปราสาทขนาดยักษ์ทุกหลังจะแกะสลักเป็นรูปเทวพักตร์ 4 หน้า ผนังด้านล่างของตัวปราสาทจะปรากฏภาพสลักฝาผนัง ซึ่งเป็นภาพแสดงชีวิตประจำวันของชาวเขมร และภาพการสงครามระหว่างขอม (เขมรโบราณ) กับพวกจาม (เวียดนามโบราณ) ซึ่งเปรียบเสมือนการบันทึกประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่เกรียงไกรของเขมรไว้
พระชัยพุทธมหานาค : ซ่อนอยู่ในห้องแคบๆลึกลงไปใต้ฐานปราสาทกว่า 20 เมตร และน้ำจากบ่อนี้จะถูกนำไปใช้ประกอบพิธีบรมราชาภิเษกของกษัตริย์เขมรทุกรัชกาล
พนมบาเกง : เป็นเทวสถานที่สร้างตามลัทธิไศวนิกาย เมื่อราว พ.ศ. 1443 เพื่อเป็นศูนย์กลางของเมืองพระนคร (อังกอร์) ตั้งอยู่บนภูเขาหิน เมื่อชมวิวจากด้านบนท่านจะสามารถชมความงามของนครวัดและนครธมได้อย่างงดงาม ส่วนใหญ่บริษัททัวร์ มักนิยมนำลูกทัวร์ขึ้นมาชมพระอาทิตย์ตกดินบน
ปราสาทบันทายสรี : ปราสาทบันทายสรี หรือที่เรียกว่า "บันเตย์เสรย" แปลว่า "ป้อมแห่งสตรี" ถ้าแปลตามภาษาสันสกฤตซึ่ง "ศรี" แปลว่าความดีงามแล้วก็อาจจะแปลได้ว่า "ป้อมที่สวยงาม" ศิลปะการจำหลักลายบนหินทรายที่ปราสาทบันทายสรีนี้งดงามมาก เนื่องจากสร้างด้วยหินทรายสีชมพูแกะสลักภาพนูนต่ำซึ่งมีความปราณีตอ่อนช้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งลวดลายพรรณพฤกษาและลวดลายห้านขดต่างๆ ล้วนมีความคมบางประดุจกลีบดอกกลีบใบที่สลักอยู่บนหินนั้นลอยเด่นออกมา ส่วนรูปจำหลักที่เป็นภาพเทวดาและสัตว์ต่างๆ ก็มีความประณีตพิเศษ ช่างผู้สลักต้องมีความชำนาญมากที่จะแกะสลักรูปเทวดาและสัตว์ต่างๆ นั้นให้นูนเด่นเกือบจะเหมือนลอยตัว
ปราสาทแปรรูป : สร้างโดยพระเจ้าราเชนทรวรมันในปี พ.ศ. 1504 เป็นปราสาทที่มีทรวดทรงงดงามลงตัว สร้างด้วยวัสดุหลายชนิด อาทิ ศิลาแลง หินทราย และอิฐ เป็นตัวอย่างที่ดีของสถาปัตยกรรมเขมร
ปราสาทนครวัด : สิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 ของโลก สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 1650-1720 โดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 โดยสร้างถวายเป็นพุทธบูชา เราจะใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายนี้ชื่นชมกับความมหัศจรรย์ของคนโบราณ จะเดินผ่านสะพานนาคราชขนาดใหญ่ ข้ามคูน้ำที่กว้างเกือบเท่าแม่น้ำเจ้าพระยารอบปราสาท ชมภาพแกะสลักนูนต่ำ อาทิ ภาพมหากาพย์เรื่องมหาภารตะและรามเกียรติ์, ภาพการกวนเกษียรสมุทร, ภาพ การยกกองทัพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 โดยในภาพจะมีภาพ กองทัพของเสียมกุก ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของพวกเราชาวไทยปรากฏอยู่ด้วย ผ่านซุ้มโคปุระ (ซุ้มประตู) ชั้นนอกสุดเข้าสู่ลานขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่ตั้งของบรรณาลัยศิลา ชมรูปสลัก นางอัปสร หรือ นางอัปสรา นับพันนับหมื่นองค์ จากนั้นดื่มด่ำกับความงดงามของอยดปราสาททรงดอกบัวตูม 5 ยอด
ปราสาทบาปวน : ปราสาทที่ตั้งอยู่ในพระราชวังหลวง มีทางเดินเป็นสะพานหินทอดจากประตูไปยังตัวมหาปราสาท ซึ่งมีบันทึกว่าเป็นปราสาทที่ฉาบด้วยทองคำ(ปิดทอง)
ปราสาทพิมานอากาศ : สร้างด้วยศิลาแลงซ้อนกัน 3 ชั้นแบบปิรามิด ชั้นบนสุดเป็นหินทรายเชื่อว่าเป็นที่ประดิษฐานเทพเจ้าประจำวัน กล่าวกันว่าทุกคืนก่อนพระเจ้าแผ่นดินจะทรงบรรทมจะต้องมาสวดมนต์บูชาเทพเจ้าทุกคืน แล้วไปชมสระน้ำ ซึ่งอยู่ทางเหนือของพระราชวัง เป็นที่ซึ่งเจ้านายในราชสำนักใช้เป็นที่อาบน้ำแบ่งออกเป็น 2 สระ สำหรับสระผู้ชายสระหนึ่งและสระผู้หญิงสระหนึ่ง ก่อนออกจากบริเวณพระราชวังหลวง เราจะเดินผ่าน
ศาลพระเจ้าขี้เรื้อน : ด้านหน้าและด้านหลังกับผนังทั้ง 2 ด้าน แต่งด้วยหินทรายและลายปูนปั้นเป็นเทพอัปสรและอสูรเป็นชั้นๆ เป็นภาพที่งดงามมาก
พลับพลาช้าง : ฐานของพลับพลาสร้างด้วยหินจำหลักเป็นรูปการจับช้างและครุฑยาวประมาณ 300 เมตร เป็นสถานที่ที่กษัตริย์นั่งทอดพระเนตรการสวนสนาม การซ้อมรบ และการเฉลิมฉลองต่างๆ การละเล่นไฟพะเนียงแบบท้องสนามหลวงของไทย
ปราสาทพระขรรค์ : เป็นที่ตั้งของจารึกล้ำค่าที่เป็นกุญแจไปสู่ประวัติศาสตร์เขมร สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในปี พ.ศ. 1734 ตั้งอยู่กลางป่ารกที่มีเถาวัลย์พันไปมาอย่างงดงาม นอกจากนั้นท่านจะได้ชม ห้องทุบอก ซึ่งเมื่อท่านยืนเอาหลังแนบกำแพงภายในห้องขนาดย่อม ในตัวปราสาทและทุบอกของท่านเองแม้เพียงเบา อะไรจะเกิดขึ้นขอเชิญท่านพิสูจน์เอง
ปราสาทนาคพัน : ลักษณะเป็นเกาะเล็กๆตั้งอยู่กลางบาราย (ทะเลสาบ) ทำฐานเป็นรูปนาคขดพันลำตัวเวียนขึ้นเป็นชั้นซ้อนกันแทนขั้นบันได องค์ปราสาทด้านนอกแกะสลักภาพพระโพธิสัตว์ขนาดใหญ่อย่างงดงาม รอบสระบารายทำซุ้มศิลาเป็นเสมือนประตูน้ำที่จะไขน้ำไปสู่ทิศต่างๆได้ โดยน้ำนั้นจะไหลผ่านศิลาสลักทั้งหลัง
ปราสาทตาแก้ว : ซึ่งเป็นหินทรายขนาดใหญ่ประกอบด้วยปราสาท 5 หลัง ตั้งอยู่บนฐานศิลาทรายสูงใหญ่ มีระเบียงคดล้อมรอบตัวปราสาทโดยมีหลังคามุงด้วยอิฐเป็นครั้งแรกในเขมร
ปราสาทตาพรหม : สร้างในปี พ.ศ. 1729 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่ออุทิศถวายแด่พระราชมารดาเป็นวัดในพุทธศาสนาที่มีขนาดใหญ่โตมากกว่าสนามหลวงของไทย รวบรวมหมู่ปราสาทไว้ถึง 24 หลัง
กรุงพนมเปญ
วัดพนม : ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ใจกลางกรุงพนมเปญ ภายในวัดจะประดิษฐานพระพุทธรูป และรูปปั้นของนางเพ็ญ ซึ่งตามตำนานกล่าวว่านางเพ็ญผู้พบพระพุทธรูปองค์นี้ลอยน้ำมาจึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ ต่อมาภายหลังเมื่อมีการสถาปนาบริเวณนี้เป็นเมืองหลวงจึงได้ชื่อว่ากรุงพนมเปญ ตามชื่อของวัดแห่งนี้
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ : สถานที่รวบรวมโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าของเขมรมากมาย
พระราชวัง : ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ประทับของพระนโรดมสีหมุนี สามารถชมได้แต่เพียงด้านนอกเท่านั้น
สามสบ : จุดรวมของแม่น้ำสามสายอันได้แก่ แม่น้ำโขงตอนบน,โขงตอนล่างและป่าสัก