ข้อมูลเที่ยวนิวซีแลนด์ : ถ้ำไวโตโมโกลว์วอร์ม (Waitomo Glowworm Caves)
ข้อมูลเที่ยวนิวซีแลนด์ : ถ้ำไวโตโมโกลว์วอร์ม (Waitomo Glowworm Caves)
"ถ้ำไวโตโมโกลว์วอร์ม" (Waitomo Glowworm Caves) หรือ "ถ้ำหนอนเรืองแสง" คือจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่อยากแนะนำให้คุณมาเยือนสักครั้ง โดยถ้ำนั้นอยู่ในเขตเมืองไวโตโม (Waitomo) เมืองท่องเที่ยวเล็กๆที่ตั้งอยู่บนเกาะเหนือของประเทศนิวซีแลนด์ (New Zealand) โดยถ้ำนั้นถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1887 โดย Fred Mace ชาวอังกฤษมีการการนำของหัวหน้าชาวเมารีในแถบนั้นชื่อ Tane Tinorau ต่อมามีการแพร่กระจายออกไปถึงความงามของถ้ำไวโตโม และหนอนเรืองแสง จึงมีผู้คนหลั่งไหลมาชมกันอย่างมากมาย ภายในถ้ำนั้นเป็นที่อยู่ของหนอนเรืองแสงนับล้านตัว ประกอบไปด้วย 3 ถ้ำหลักคือ Ruakuri Cave, Aranui Cave และ Gardner's Gut ทั้งหมดมีหินงอก หินย้อย และ หนอนเรืองแสงที่งดงามมากๆค่ะ สำหรับการเข้าชมหนอนเรืองแสงมีเป็นรอบๆทุกๆครึ่งชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 09.00 -17.00 น. ใช้เวลาในการเข้าชมประมาณ 45 นาที
ถ้ำเรืองแสงสุดแปลกประหลาดนี้ มีชื่อว่า ถ้ำไวโทโม(Waitomo Caves) ซึ่งเป็นภาษาพื้นเมืองที่ได้จากการรวมคำสองคำ คือคำว่า “wai” แปลว่า “น้ำ” และคำว่า “tomo” แปลว่า “หลุม บ่อ หรือ ถ้ำ” เมื่อนำมารวมกันจึงมีความหมายว่า ถ้ำที่มีน้ำไหลผ่าน บริเวณทางตอนใต้ของเมือง Waikato ค้นพบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1887 โดย Fred Mace ชาวอังกฤษ ภายใต้การนำทางของหัวหน้าชาวเผ่าเมารีพื้นเมือง หลังจากที่มีการค้นพบในครั้งแรกก็มีการบอกต่อกันถึงความงดงามภายในถ้ำ ที่มีความสวยงามราวกับดวงดาวในท้องฟ้ายามค่ำคืน จนชื่อเสียงของถ้ำไวโทโมแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง ทำให้ในปัจจุบันมีผู้คนหลั่งไหลมาเยือนอย่างมากมาย ถึงปีละ 4 แสนคนเลยทีเดียว
ถ้ำไวโตโมประกอบไปด้วย 3 ถ้ำหลักคือ Ruakuri Cave, Aranui Cave และ Gardner's Gut ทั้งหมดมีหินงอก หินย้อย และ หนอนเรืองแสง ที่งดงามหนอนเรืองแสงในถ้าไวโตโมได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคคนจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเยี่ยมชมภายในถ้ำไวโตโมนี้เป็นที่เติบโตของหนอนเรืองแสง (Glowworm) ซึ่งประเทศนิวซีแลนด์จะมีถ้ำหนอนเรืองแสงอีกแห่งทางเกาะใต้ หนอนเรืองแสงที่เห็นนั้นเป็นระยะตัวอ่อนของแมลงสัตว์ปีกเล็ก ๆ ที่มีลักษณะคล้ายยุงมีชื่อว่า Arachnocampa Luminosa ซึ่งจะ ปล่อยแสงออกมาจากตัวเพื่อล่อเหยื่อบินมาติดกับ หนอนเรืองแสงดูคล้ายกับแสงสะท้อนจากพุ่มไม้ หนอนเรืองแสงจะปล่อยเมือกเหนียว ๆ ลงมาเป็นสายจากเพดานถ้ำเป็นเส้น ๆ ดูคล้ายกลุ่มของเส้นใยไหมที่ละเอียดพวกมันจะวางโครงข่ายท่อบนเพดานถ้ำเพื่อเป็นทางสำหรับเคลื่อนที่ไปมาต่อมาพวกมันจะหย่อนเบ็ด ที่มีลักษณะคล้ายเส้นไหม ที่มีตุ่มน้ำเหนียวๆ ที่มีความยาวตั้งแต่ 1 - 50 เซนติเมตรลงมากกว่า 70 เส้นเมื่อ กับดักเสร็จสิ้น พวกมันจะรอให้เหยื่อที่หลงเข้ามาเล่นไฟ ที่เรืองแสงออกมาจากตัวของพวกมันเมื่อเหยื่อหลงเข้ามาก็จะติดกับเบ็ดที่ห้อยเอาไว้ ยิ่งดิ้นก็ยิ่งติดแน่นเข้า หนอนเรืองแสงจะเคลื่อนตัวไปตามโครงข่ายท่อที่วางไว้ ไปยังท่อของสายเบ็ดแล้ว โผล่ออกมาลากเหยื่อกับเข้าไปในท่อ เพื่อสังหาร และกินเป็นอาหาร