เส้นทางใบไม้หลากสีสัน ณ ดินแดนญี่ปุ่น
เมื่อกล่าวถึงดินแดนแฟชั่นที่เป็นศูนย์กลางแห่งโลกตะวันวันออกก็คงหนีไม่พ้นที่จะกล่าวถึงประเทศญี่ปุ่น ดินแดนที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและธรรมชาติมาได้หลายร้อยปี ซึ่งเป็นที่หลงใหลและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ยังคงแวะเวียนเข้ามาเที่ยวชมและสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นปีละหลายหมื่นคน ญี่ปุ่นมีความหลากหลายโดยเฉพาะทางด้านการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นท่องเที่ยวทางด้านวัฒนธรรม การเที่ยวชมธรรมชาติ รวมไปถึงการช๊อปปิ้ง ซึ่งเหล่านักท่องเที่ยวสามารถมาเยือนดินแดนแห่งนี้ได้ในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นเลยทีเดียวที่บรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลายแห่กันมาจากทั่วโลกเพื่อสัมผัสกับความงามของซากูระที่เบ่งบานสะพรั่งทำให้โลกนี้เป็นสีชมพูในฤดูกาลนี้ ส่วนอีกช่วงหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือฤดูใบไม้ร่วงซึ่งจะเริ่มจากเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน สภาพอากาศจะเริ่มแห้งและเย็นลง แม้จะมีฝนตกเป็นครั้งคราว จากนั้นใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสี พืชพรรณธัญญาหารจะเก็บเกี่ยวกันในฤดูใบไม้ร่วง ท่ามกลางเทศกาลเก็บเกี่ยวของท้องถิ่นมากมาย
การเปลี่ยนสีของใบไม้บนเกาะญี่ปุ่นจะเกิดขึ้นอยู่ตามหลายๆสถานที่ นักท่องเที่ยวที่ต้องการจะไปสัมผัสใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้อย่างลึกซึ้ง ก็ต้องเลือกสถานที่ชมใบไม้เหล่านี้ให้เหมาะสมกับแต่ละสถานที่ รวมถึงเรื่องราวเกร็ดเล็กๆน้อยๆของสถานที่เหล่านั้นผูกอยู่ด้วยจะช่วยเพิ่มมนต์เสน่ห์ในฤดูกาลที่แสนวิเศษนี้ยิ่งขึัน ฤดูกาลแห่งใบไม้เปลี่ยนสีเป็นเอกลักษณ์ของแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ในช่วงเริ่มไฮซีซั่นที่กำลังจะมาถึง สถานที่ในการเข้าไปสัมผัสใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงในการซึมซังบรรยากาศแห่้งฤดูใบไม้ผลิบนดินแดนญี่ปุ่นได้แก่
Arashiyama จังหวัด Kyoto
การเดินทาง นักรถไฟจากสถานี JR Kyoto แล้วลงสถานี Saga-Arashiyama เขาอาราชิยามะ แปลว่า ภูเขาแห่งพายุหมุน ในสมัยเฮอันสถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นที่นัดหมายของกลุ่มชนชั้นสูง จนกระทั่งในปัจจุบันได้ถูกขนานนามว่าเป็นสถานที่ที่โรแมนติคที่สุดในเกียวโต ท่านที่มีโอกาสได้ไปสัมผัสในช่วงเดือนพฤศจิกายน จะพบกับความสวยงามของธรรมชาติ ที่มีสายน้ำ แมกไม้ และสายลมเย็นโชยบาง ๆ พร้อมเดินข้ามสะพานโทเกะซึเกียว (สะพานแห่งดวงจันทร์) เชื่อกันว่าหากใครมาอาราชิยามะ แล้วไม่ได้ข้ามสะพานนี้ถือว่ามาไม่ถึงอาราชิยามะ เพราะว่าบริเวณนี้เป็นบริเวณที่มีความสวยงาม มีจุดชมวิวที่สวยที่สุดในเกียวโต อีกทั้งยังมีการล่องเรือตามแม่น้ำโฮซึ ซึมซับบรรยากาศในฤดูใบไม้ร่วง พบกับสีสันของการเปลี่ยนสีของใบไม้ที่เรียงรายอยู่ริมแม่น้ำ
พบกับวัดเทนริวจิ (วัดมังกรสวรรค์) ที่ถูกสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1339 เป็นวัดที่ยังคงความสวยงาม ด้วยตัววัดสร้างด้วยไม้และมีสวนแบบเซน และยังเป็นวัด 1 ใน 5 ของนิกายเซนที่มีชื่อเสียง พบกับป่าไผ่ ที่มีชื่อเสียงของเขาอาราชิยามะ เนื่องจากในบริเวณนี้เต็มไปด้วยต้นไผ่รายล้อมเต็มบริเวณปกคลุมทั่วทั้งป่า ถ้าหากนั่งรถไฟจากสถานีซากะสู่สถานีคาเมะโอกะ ซึ่งจะเป็นเส้นทางสายโรแมนติคเนื่องจากจะได้พบกับความงดงามของธรรมชาติสองข้างทางผ่านมุมมองอันเปิดโล่งของรถไฟ โดยรถไฟลัดเลาะเทือกเขาจนสามารถเห็นความงดงามของของขุนเขา และแม่น้ำโฮะซึ ที่อยู่ด้านล่างได้อย่างชัดเจน ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความโรแมนติคที่สุดในเกียวโต
เขตอุทยานแห่งชาติ นิกโก้ จังหวัด Tochigi
เดินทางจาก จากสถานี JR หรือ Tobu ต่อด้วยรถบัสสาย Yumoto Onsen ไปตามจุดต่างๆ อยู่ทางเหนือสุดของภูมิภาคคันโตบนเกาะฮอนชู ถูกห้อมล้อมด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์งดงามแห่งภูเขา ป่าไม้ แม่น้ำ น้ำตก แหล่งน้ำแร่ ในช่วงเดือนตุลาคมจะเป็นสถานที่ชมใบไม้การเปลี่ยนสีของใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง ที่นิกโก้มีหลายจุดซึ่งทอดยาวไปตามริมทะเลสาบจูเซนจิ (Chuzenji) ที่น้ำตกริวซู อิโรฮะซะกะ และแถบโซนมรดกโลกที่มีความกลมกลืนระหว่างธรรมชาติแห่งขุนเขา เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพรรณที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมา
Hakone จังหวัด Kanagawa
เดินทางจากโตเกียวมาประมาณ 30 นาที ด้วยรถไฟชิงคังเซ็นลงที่สถานี ODAWARA แล้วนั่งรถบัสหรือรถไฟชมเมือง ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน จะมีแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีของเมืองนี้จะเริ่มจากทะเลสาบ Ashinoko จากนั้นขยายความสวยงามไปยังทะเลสาบ Sengokuhara, Gora, Kowakudani ที่ทะเลสาบ Ashinoko มีเรือสำหรับนักท่องเที่ยวให้ชมความสวยงาม และยังสามารถมองเห็นความสวยงามของภูเขาไฟฟูจิ (Fujisan) ในวันที่อากาศแจ่มใสได้อีกด้วย
Kourankei Gorge เมือง Toyoda City จังหวัด Aichi
เดินทางขึ้นรถไฟจากสถานี Meitetsu Railway Higashi-Okazaki ต่อด้วยรถบัสไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีอีกแห่งหนึ่ง จุดเริ่มต้นของความสวยงามของภูมิทัศน์นี้เล่ากันว่าในปี 1634 มีนักบวชของวัด Koshaku-ji ได้ปลูกต้นซีดาร์และเมเปิ้ลด้วยมือเปล่า จากนั้นต้นเมเปิ้ลกว่า 4000 ต้น ก็เบ่งบานรับนักท่องเที่ยว และจะสวยงามมากในยามประดับไฟยามค่ำคืนในช่วงเดือนพฤศจิกายน
น้ำตกมินุ จังหวัด Osaka
เดินทางจากสถานี Hankyu Railway Minoo เดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 3 กม. เป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดโอซากา มีสถานที่ท่องเที่ยวคือน้ำตกมินุ ที่ต้องเดินเท้าเข้ามาจาก เนื่องจากที่นี่มีธรรมชาติที่สวยงามและมีร้านค้าเรียงรายยาวถึง 3 กิโลเมตร น้ำตาแห่งนี้มีความสูงเพียง 30 เมตร ในช่วงเดือน พศจิกายนตรงที่สะพานแดงจะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มีสัมผัสกับธรรมชาติและสีสันของบรรดาเหล่าใบไม้เปลี่ยนสี ที่งดงามไม่แพ้กับสถานที่อื่นๆ
Higashiyama จังหวัด Kyoto
เดินทางด้วยรถบัสสาย 100 สิ่งที่มีชื่อเสียงในย่านนี้คือ วัด Kiyomizu-dera หรือวัดน้ำใส ในช่วงเดือน พฤศจิกายน การเปลี่ยนสีใบไม้ของที่นี่จะแดงสวยมากทั้งกลางวันและ Light Up กลางคืน เป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาแวะเวียนได้อย่างมากมาย นอกจากนี้ยังมีวัด Nanzen-ji, วัด วัด Shinnyodo, วัด Eikando Hall และวัด Choraku-ji
Ohara จังหวัด Kyoto
การเดินทางเราสามารถนั่งรถบัสจากสถานีเกียวโตมาได้ โอฮาราเป็นย่านชาญเมืองที่มีความสวยงามของเมืองเกียวโต และยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศของภูมิประเทศแบบชนบทไว้ได้ โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปีย่านนี้จะงดงามเป็นพิเศษ จะเต็มไปด้วยสีสันของเหล่าใบไม้ที่มีการเปลี่ยนสีตามฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยพลาดเลยทีเดียว
Oirase จังหวัด Aomori
เดินทางจากสถานี JR Morioka นั่งรถบัสต่ออีกประมาณ 2 ชม. สถานที่แห่งนี้จะมีแม่น้ำสายโออิราเซะไหลลงมาจากทะเลสาบโทวาดะ โดยสองฝั่งข้างทางจะมีพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นได้ ในช่วงเดือนตุลาคมจะพบกับใบไม้ของสองฝั่งแม่น้ำจะผลัดสีเปลี่ยนใบ ซึ่งเป็นสีสันอันโดดเด่นของสถานที่แห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีน้ำตกใหญ่น้อยอีก 14 แห่ง ให้นักท่องเที่ยวได้ชมความสวยงามกันอีกด้วย
Shosenkyo Gorge จังหวัด Yamanashi
ลงรถไฟจากสถานี JR Kofu นั่งรถไปอีกประมาณ 30 นาที ลงที่ป้าย Tenjinmori ระยะทางยาวกว่า 4 กม. ของ Shosenkyo Gorge ที่ทอดตัวยาวจาก Tenjinmori จนถึงน้ำตก Sengataki ด้วยความสูงชันของช่องเขานั้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน จะถูกปกคลุมไปด้วยสีสันของใบไม้ที่มีการเปลี่ยนสี และนักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมได้หนี่งเดือนเต็ม
Okutama กรุงโตเกียว
เดินทางนั่งรถบัสไปประมาณ 40 นาทีไปยังไปยังเขา Kumotoric แล้วลงป้าย Kamosawa ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ที่Okutama จะมีวิวสวยๆ หลายจุดให้ถ่ายรูปไม่ว่าจะเป็นเขา ช่องเขา ทะเลสาบ ประกอบกับสีสันของใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟกลับมายังมิตาเกะได้ เพราะรถไฟเส้นเดียวกัน
เมื่อลมหนาวพัดผ่านมาเยือน หลายๆคนคงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติรอบๆตัว โดยเฉพาะต้นไม้ที่เจริญงอกงามในเขตอบอุ่น ส่วนที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน คือ ส่วนของใบ โดยใบไม้ที่มีสีเขียว จะมีการเปลี่ยนสีที่แตกต่างกันไป บ้างก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน สีส้ม สีแดง และสีน้ำตาล..... สร้างความเจริญหูเจริญตาต่อผู้ที่มีโอกาสได้พบเห็น เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งใบไม้ที่มีการเปลี่ยนสีต่าง ๆ เหล่านี้ก็จะกลายเป็นเป็นใบไม้แห้งร่วงหล่นจากต้นลงสู่พื้นดินกลายเป็นปุ๋ยธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อระบบนิเวศต่อไป