ข้อมูลเที่ยวลาว : ปราสาทหินวัดพู

ข้อมูลเที่ยวลาว : ปราสาทหินวัดพู 
 

หากจะกล่าวถึง ประเทศลาว แล้ว บางท่านอาจนึกถึง หลวงพระบาง แต่แท้จริงแล้ว ลาวมิได้มีที่เที่ยวโด่งดังเฉพาะหลวงพระบางเท่านั้น ในทางตอนใต้ที่นครจำปาสักนั้นยังมีอีกหลายแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและที่โด่งดังมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมมากๆ ก็ต้องมีวัดพูติดอันดับด้วยอย่างแน่นอนวัดพูนั้นตั้งอยู่ในนครจำปาสักลาวตอนใต้เป็นปราสาทหินขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในสมัยของขอมเรืองอำนาจตั้งอยุ๋บริเวณเขาศิวบรรพตหรือที่ชาวลาวเรียกว่า ภูเกล้านั่นเองเป็นภูเขาที่มียอดลักษณะคล้ายๆศิวลึงค์ซึ่งถ้าจะเรียกแล้วศิวลึงค์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินั้นจะเรียกว่าสวยัมภูวลึงค์ด้วยเหตุที่เขาศิวบรรพตนั้นคล้ายกับศิวลึงค์นั่นเองน่าจะเป็นแรงจูงใจในการสร้างเทวาลัยเพื่อประดิษฐานรูปเคารพตามความเชื่อฮินดูขึ้นในที่สุด ราสาทหินวัดพูนั้นมีฐานะถึงขั้นเป็นอารามหลวงของอาณาจักรในสมัยนั้นเลยทีเดียวและได้รับการก่อสร้ามาก่อนเขาพระวิหาร ( เปรี๊ยะวิเฮียร์ ) และ พนมรุ้ง ( วะนัมรุง ) ซึ่งคาดว่าผู้ก่อสร้างน่าจะอยู่ในราชวงศ์เดียวกันและสืบเชื้อสายต่อๆกันมา
 

เมื่อเดินทางมาถึงวัดพู  สิ่งที่เราจะเห็นเป็นอย่างแรกนั้น ก็คือ ทางดำเนินที่ต้อนรับด้วยเสานางเรียงหลายต้นขนาบข้างเดินไปสู่พลับพลาหลังใหญ่ 2หลัง ซึ่งถือเป็นชั้นแรกทั้งสองหลังนี้น่าจะเป็นพลับพลาเปลื้องเครื่องสำหรับกษัตริย์ก่อนเดินขึ้นสู่การทำพิธีโสมสูทเบื้องบนเมื่อเดินขึ้นไปเรื่อยๆจะพบกับชั้นของโคปุระ(ซุ้มประตู) ต่างๆที่พังทลายลงมาแสดงถึงการแบ่งเป็นชั้นๆตามปกติถ้าโคปุระเหล่านี้ยังอยู่ในสภาพดีคงได้ชม หน้าบัน และ ทับหลัง สวยๆมากมาย เมื่อมาถึงชั้นที่สามจะมีรูปสลักของพระยากรมท่า (ชาวลาวเรียกอย่างนั้น) ชาวลาวเชื่อว่าเป็นผู้สร้างปราสาทนี้ขึ้นโดยพนันแข่งกันสร้างปราสาทกับอีกเมืองหนึ่งแล้วแพ้ จึงอกแตกตายอยู่ที่นี่ ( ความเป็นจริงอาจเป็นรูปสลักที่แสดงถึงอย่างอื่นได้มากมาย เช่นทวารบาล (ผู้เฝ้าประตู หรือ อาจเป็นรูปเคารพที่ของกษัตริย์ที่สวรรคตไปแล้วก็เป็นได้ ) ในบริเวณนี้เอง จะมีสิ่งน่าสนใจอยู่สองจุดคือ ด้านซ้ายมือ จะมีเศียรช้างแกะสลัก ขนาดใหญ่พอประมาณ และ ถ้าเดินไปทางขวาลงทุ่งไปหน่อยจะมีฐาน โยนี ซึ่งเคย ใช้เป็น ที่ประดิษฐาน ศิวลึงค์ในการประกอบพิธี วางอยู่ด้วย
 

เมื่อเดินต่อขึ้นไปเรื่อยๆแล้วก็จะต้องผ่านโคปุระอีกหลายชั้นและในบางชั้นนั้นจะมีช่วงพื้นที่ด้านซ้ายและขวา ซึ่งมีร่องรอยการสร้างปรางค์อิฐองค์เล็ก ๆ เอาไว้มากมายถ้าปราสาทนี้ยังคงสมบูรณ์อยู่คงยิ่งใหญ่อลังการณ์เมื่อมาถึงชั้นสุดท้ายต้องเดินขึ้นค่อนข้างชันมาเป็นพิเศษใครที่กลัวความสูงคงต้องท้อเป็นแน่นอนเมื่อเดินหรือปีนขึ้นไปสำเร็จก็จะพบกับเทวาลัยซึ่งถือเป็นหัวใจของวัดพูตั้งตระหง่านอยู่พร้อมให้เราเข้าไปเยี่ยมชมองค์ปรางค์นั้นมีส่วนมณฑปที่ยื่นออกมาคือทางเข้าที่เราเดินเข้านั่นเองจะมีรูปสลักมากมายที่ยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่มากเมื่อเข้าไปภายในจะพบกับพระพุทธรูปที่มาแทนที่ศิวลึงค์ไปแล้วเนื่องจากแต่เดิมนั้นชาวขอมนับถือศาสนาฮินดูภายในจะประดิษฐาน ศิวลึงค์เอาไว้ แต่เมื่อขอมล่มสลายลง เทวสถานก็ถูกแปลงไป กลายเป็นเทวสถานใน ศาสนาพุทธ แทน แถมยังมีโบสถ์เล็กๆ อยู่ในส่วนขวาอีกด้วย ถ้าเดินไปทางซ้ายมือ นั้น มีทางเดินไปยังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่มีน้ำใต้ดินซึมออกมาตามธรรมชาติด้วยการเที่ยวชมปราสาทหินวัดพูนี้ หากเราสามารถรู้เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับ ศาสนาฮินดู จะทำให้สนุกยิ่งขึ้นเพราะ จะเข้าใจ ในทับหลัง และ หน้าบันต่างๆได้ง่ายขึ้นมากครับ หลังจากที่ผมเพลิดเพลินกับ การชมศิลปะที่แกะสลัก อย่างอ่อนช้อย สวยงามแล้ว ก็มานั่งพักให้หายเหนื่อย กับวิวสวยๆ ที่เรามองลงไปเบื้องล่าง ลมเย็นๆก็เริ่มพัดเอื่อยๆ สบายๆ 

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
รูปแบบการสร้าง ของปราสาทเขมรนั้น จะมีจุดประสงค์ในการสร้างเพื่อเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพ โดยมากจะใช้ประดิษฐาน ศิวลึงค์ จะอยู่ในห้องครรภคฤหะ ตามความเชื่อของชาวฮินดู ซึ่งจะมีพิธีกรรม อย่างหนึ่ง เรียกว่า พิธีโสมสูต คือการนำ น้ำนม มาสรงลงบนศิวลึงค์ จากนั้น น้ำนมจะไหลลงสู่ฐานโยนี เบื้องล่าง แล้วไหลออกตามท่อโสมสูต สู่ภายนอกของปราสาท พิธีนี้นับว่า เป็นพิธีที่มีความสำคัญมาก และนับเป็น จุดประสงค์หลักในการสร้างเทวาลัย 

ทัวร์แนะนำ ที่คุณอาจจะสนใจ