จัดกรุ๊ปสัมมนา,กิจกรรม,Event : ไปฮันนมูนที่ไหนดี

ไป ฮันนีมูน ที่ไหนดี แนะนำแดนสวรรค์ ฮันนีมูน แนะนำสถานที่ไป ฮันนีมูน

1. แคปปาโดเชีย 
แคปปาโดเชีย  นอกจากจะเป็นแหล่งประวัติศาตร์และอารยธรรมโบราณแล้ว ยังเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ที่รอให้เหล่าบรรดาคุ่รักนักท่องเที่ยวเดินทางไปสำรวจ โดยสามารถเที่ยวชมได้ทั้งทางเท้า หรือทางรถยนต์ แต่วิธีที่ดีที่สุด ก็คือ การตื่นนอนแต่เช้ามืดเพื่อขึ้นบอลลูนชมภูเขาและแท่งหินรูปทรงแปลกตา ที่สร้างสรรค์โดยธรรมชาติล้วนๆ แถมภายในภูเขาบางลูกยังเป็นที่อาศัยของผู้คนอีกต่างหาก 
และที่ห้ามพลาด ก็คือ การปีนบันไดขึ้นไปบนปราสาทอูชิซาร์ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาสูง เพื่อชมพระอาทิตย์ตกดินและวิวทิวทัศน์อันสวยงามแปลกตาในแบบพาโนรามา… หากเดินทางไปเยือนที่นี่ โลนลี่ แพลนเน็ต แนะนำให้เข้าพักที่โรงแรม “อาร์โกส” ในแคปปาโดเชีย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศาสนสถาน แต่ปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้เป็นโรงแรมถ้ำสุดชิคและสวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง ในย่านดังกล่าว

2. ประเทศบราซิล
ในปีหน้าสปอตไลท์ด้านการท่องเที่ยวและกีฬาจะฉายไปที่ประเทศบราซิล ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันฟุตบอลโลก และสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮอตที่นักท่องเที่ยวมักพากันนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ ก็คือ ชายหาดโคปาคาบานา และชายหาดอิปปาเนมา ในเมืองริโอเดอจาเนโร แต่สำหรับคู่เลิฟที่ต้องการสวีทกันอย่างเงียบสงบและเป็นส่วนตัวสุดๆ โลนลี่ แพลนเน็ต แนะนำให้เดินทางไปฮันนีมูนที่โรงแรมสุดฮิพ “โปซาด้า ปีซิงกัวบา (Pousada Picinguaba)” ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ท่ามกลางป่าเขาและสายน้ำ (มีชายหาดส่วนตัวยาว 3 กม. ห่างจากห้องพักที่ตั้งอยู่บนเขากลางป่า 250 เมตร) ในเมืองอูบาตูบาของรัฐเซาเปาโล ที่นี่มีห้องพักเพียง 9 ห้อง ทุกห้องไม่มีแอร์ ทีวี โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต เพื่อให้แขกผู้มาเยือนได้ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง ที่สำคัญ คนนอกไม่สามารถเข้ามาในบริเวณนี้ได้ (เป็นพื้นที่อนุรักษ์ในเขตอุทยานแห่งชาติเซอร์รา โดมาร์) นักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่จึงเป็นแขกของทางโรงแรมล้วนๆ
 
3. เมืองมาร์ราเกช ประเทศโมร็อกโก
มาร์ราเกช เป็นหนึ่งในเมืองโรแมนติกที่สุดในโลก ที่นี่อบอวลไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศอาหรับและกลีบกุหลาบ มีเสียงเพลงคานาวา (Gnawa Music) เป็นแบคกราวน์ และเต็มไปด้วยตะเกียงที่สวยงาม แม้การเดินทางไปเยือนย่านเมืองเก่า (เมดิน่า) ซึ่งเต็มไปด้วยตรอกซอกซอย พ่อค้าเร่ และแผงขายของ อาจทำให้นักท่องเที่ยวถึงกับมึนงง แต่การหลงทางก็นับเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่ง (โลนลี่ แพลนเน็ตบอก) และเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวเมือง พร้อมทั้งแวะจิบชามินท์ หรือกาแฟแก่ๆ ซักแก้ว หายเหนื่อยแล้วก็ไปช้อปและต่อราคาสินค้าที่ตลาดอาหรับสไตล์ดั้งเดิม (ซุค) และหยุดดูการเป่าปี่เรียกงูที่จัตุรัส จามา เอล ฟีน่า
โลนลี่ แพลนเน็ต แนะนำให้เข้าพักที่โรงแรมลา เมซอง อาหรับ (La Maison Arabe) ซึ่งเป็นโรงแรมหรูแบบฟูลเซอร์วิส ที่ออกแบบและตกแต่งในสไตล์ริยาด (บ้านหรือวังสไตล์โมร็อกกันขนานแท้ที่มีสวนหรือลานสำหรับพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน)  จึงเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ สวยงาม ทั้งยังมีมุมพักผ่อนอันเงียบสงบและเป็นส่วนตัวอีกด้วย
 
4. ประเทศเซนต์ ลูเชีย (St Lucia)
เซนต์ ลูเชีย เป็นเกาะภูเขาไฟที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขามากกว่าเกาะอื่นๆ ในทะเลแคริบเบียน แต่จุดที่โดดเดนและเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ ก็คือ พิตอน (เป็นส่วนหนึ่งของแหล่งมรดกโลก) ซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟ 2 ลูก ที่มีแนวสันเขาเชื่อมต่อระหว่างกัน นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีป่าที่อุดมสมบูรณ์ จึงเหมาะสำหรับคู่รักที่ชอบท่องเที่ยวแบบผจญภัย ไม่ว่าจะเป็นการปีนเขา, ดำน้ำ ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งแบบน้ำลึกและน้ำตื้น รวมทั้งการดำน้ำแบบ “สนูบ้า” (ลูกผสมระหว่างการดำน้ำแบบสกูบาและสน็อกเกิ้ล) ตลอดจนการโหนสลิง หรือซิปไลน์ เป็นต้น

5. แคว้นอันดาลูเซีย ประเทศสเปน
แคว้นปกครองตนเองอันดาลูเซีย มีเมืองหลวงชื่อ “เซบียา” (หรือ “เซวิลล์” ในภาษาอังกฤษ) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศสเปน และยังเป็นที่ตั้งของแหล่งมรดกโลกมากถึง 3 แห่ง อีกด้วย แม้เมืองดังกล่าวจะมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมากมาย แต่สถานที่สำหรับคู่รักที่โลนลี่ แพลนเน็ตแนะนำอยู่ห่างจากเมืองเซบียาไปทางด้านทิศเหนือราว 80 กม. และนั่นก็เป็นที่ตั้งของบูติกโฮเต็ลที่มีชื่อว่า “ตราเซียร์ร่า” ซึ่งตั้งโดดเด่นอยู่บนเทือกเขาเซียร์ร่า โมเรน่า
โรงแรมแห่งนี้ มีบรรยากาศที่อบอุ่นและให้ความรู้สึกหมือนอยู่บ้านมากกว่าโรงแรม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะที่นี่เป็นบ้านโบราณที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 แถมเจ้าของบ้านคนปัจจุบัน (นักออกแบบชาวอังกฤษ “ชาร์ลอด สกอต”) ก็อาศัยอยู่ที่นี่มานานกว่า 30 ปีแล้ว และยังคงอยู่ที่นี่ตราบจนปัจจุบัน บ้านหลังนี้เปิดรับนักท่องเที่ยวมานานกว่า 20 ปี ภายในมีห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยว 18 ห้อง เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งภายในล้วนเรียบง่ายสไตล์อิงลิชคันทรี่แต่ก็แฝงไว้ ด้วยความสวยเก๋ แถมบรรยากาศด้านนอกยังร่มรื่นด้วยไม้ดอกและไม้ผลนานาพรรณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นมะกอกอีกด้วย
โรงแรมแห่งนี้ไม่มีรูมเซอร์วิส มินิบาร์  ทีวี โทรศัพท์ และห้องอาหาร (อาหารมื้อหลักจะถูกเสิร์ฟนอกบ้านลักษณะเหมือนการปิคนิค) พนักงานหลักของโรงแรมแห่งนี้ก็คือ เจ้าของบ้านและลูกๆ ทั้ง 4 คน โดย “จีโอกอนด้า”  (ซึ่งมีหนังสือและรายการอาหารทางทีวีเป็นของตัวเอง) ทำหน้าที่เป็นเชฟแบบฟูลไทม์, “แอมเบอร์” (ผู้เชี่ยวชาญด้านโยคะและการนวดบำบัดแบบโบราณ – เคยมาเรียนนวดที่เมืองไทยด้วย) เป็นครูฝึกโยคะและเทอราปิส, “จอร์จ” (ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหาอาหารออแกนิค และสุดยอดเครื่องปรุงชั้นเลิศ) เป็นฝ่ายมาร์เก็ตติ้งและจัดซื้อ ส่วน “แจ็กสัน”  (ปัจจุบันเป็นนักร้องนักดนตรีในกรุงลอนดอน และมีอัลบั้มเป็นของตนเอง) ทำหน้าที่เอ็นเตอร์เทนแขกด้วยการเล่นกีตาร์ฟลามิงโก (ถ้าอยากรู้ว่าการเล่นกีตาร์ฟลามิงโกเป็นอย่างไร ดูตัวอย่างได้ ที่นี่) นอกนั้นป็นพนักงานชาวสเปนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้แต่ก็พร้อมให้บริการด้วยใจ

6. บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย
บาหลี เป็นหนึ่งในเมืองที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหลมากที่สุดในโลก เพราะที่นี่มีธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา ท้องทะเลและอาทิตย์อัสดง ทั้งยังมีทุ่งนาขั้นบันไดอันเขียวขจี มีประเพณี วัฒนธรรม งานศิลปหัตถกรรม และกิจกรรมทางศาสนาอันโดดเด่น แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม แต่ผู้คนที่นี่นับถือศาสนาฮินดูมาเกือบ 2,000 ปีแล้ว วัดฮินดูบนเกาะแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเทียวยอดนิยม
นอกจากนี้ บาหลียังเป็นแหล่งสปาและสวรรค์ของนักโต้คลื่น หากใครวางแผนเดินทางไปฮันนีมูนที่บาหลีในปีหน้า โลนลี่ แพลนเน็ต แนะนำให้เข้าพักที่โรงแรมตูกู ในหมู่บ้านชางกู ซึ่งอยู่ใกล้ชายหาด ทุ่งนา และหมู่บ้านชาวประมง อีกทั้งยังอยู่ห่างจากสนามบินเพียง 30 นาที โรงแรมแห่งนี้เป็นบูติกโฮเต็ลแสนโรแมนติก ที่ภายในตกแต่งด้วยงานศิลปะในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนของสะสมโบราณอีกมากมาย

7. รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
รัฐแคลิฟอร์เนีย ตั้งอยู่บนแนวชายฝั่งด้านทิศตะวันตกของอเมริกาเหนือ มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและชายหาดชื่อดังมากมาย แต่สำหรับท่านที่ต้องการไปพักผ่อนอย่างเงียบสงบกับคนรัก ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก ขอแนะนำให้มุ่งหน้าไปที่ “บิ๊กเซอร์ (Big Sur)” ซึ่งเป็นที่ตั้งของเทือกเขา “แซนตาลูเชีย” ที่ทอดตัวเป็นแนวยาวถึง 170 กม. ที่นี่มีอุทยานแห่งชาติให้เที่ยวชมหลายแห่ง ทั้งยังมีป่าเรดวู้ดสูงชะลูด มีสายน้ำไหลลงมาจากซอกเขา (ตกลงมาบนชายหาดแล้วไหลลงสู่ทะเล) มีกิจกรรมปีนเขา/เดินป่า และมีร้านอาหารรสเลิศหลายแห่ง โลนลี่ แพลนเน็ต แนะนำให้เข้าพักที่โรงแรมหรูอันแสนเงียบสงบ เป็นส่วนตัว และโรแมนติกสุดๆ  “โพสต์ แรนช์ อินน์” ซึ่งตั้งอยู่บนเนินผาสูง 350 เมตรเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก ไม่เพียงห้องพักเท่านั้นที่ให้มุมมองของท้องทะเล ที่สวยงามในแบบพาโนรามา แต่ภัตตาคารริมผาของทางโรงแรมก็ให้บรรยากาศที่สวยงามและโรแมนติกไม่แพ้กัน

8. เมืองควีนส์ทาวน์ ประเทศนิวซีแลนด์
ควีนส์ทาวน์ เป็นเมืองรีสอร์ทที่อยู่บนเกาะใต้ของประเทศนิวซีแลนด์ ที่นี่เปรียบดังสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่ชอบการผจญภัย เพราะมีกิจกรรมสุดท้าทายหลากหลายชนิดให้เลือกเล่นเลือกทำ ไม่ว่าจะเป็น บันจี้จัมพ์ สกี สโนว์บอร์ด ล่องแพ กระโดดร่ม ร่มร่อน ล่องเรือเจ็ทโบ๊ต เดินป่า ตกปลา จักรยานวิบาก สเก็ตบอร์ด ซอร์บบิ้ง (เข้าไปอยู่ลูกบอลขนาดใหญ่ และกลิ้งลงมาจากเนินเขา) ฯลฯ แถมในปีหน้าที่นี่จะเปิดเส้นทางสายใหม่สำหรับการท่องป่าด้วยรถจักรยานอีก หลายสายด้วยกัน แต่ถ้าคิดว่ากิจกรรมวัดใจเหล่านี้โหดเกินไปสำหรับทริปฮันนีมูน ก็สามารถพาคนรักขึ้นเฮลิคอปเตอร์ข้ามเทือกเขาเซ้าท์เทิร์นแอลป์ไปชมความสวยตะลึงของฟยอร์ด ‘มิลฟอร์ด ซาวนด์’
หากมีโอกาสไปเยือนเมืองควีนส์ทาวน์ โลนลี่ แพลนเน็ตแนะนำให้เข้าพักที่โรงแรมเล็กๆ แต่หรูหราระดับ 5 ดาว มาทาคอริ ลอด์จ ซึ่ง ให้มุมมองอันสวยงามของเทือกเขารีมาร์กเกเบิ้ลส์และทะเลสาบวากาติปู แม้จะรายล้อมด้วยธรรมชาติอันเงียบสงบและงดงาม แต่ที่นี่ก็ไม่ไกลห่างจากความศิวิไลซ์เพราะใช้เวลาในการเดินทางไปยังย่านใจ กลางเมืองเพียง 7 นาที

9. โคลชากัว วัลเลย์ ประเทศชิลี
โคลชากัว วัลเลย์ เป็นหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ดีที่สุดของประเทศชิลี อยู่ห่างจากตอนใต้ของเมืองซันติอาโก (เมืองหลวง) 180 กม. ที่นี่อยู่ห่างไกลชุมชน เต็มไปด้วยไร่องุ่นทั้งบนพื้นราบและที่ปลูกแบบขั้นบันไดบนเนินเขา อีกทั้งยังอยู่ตรงกลางระหว่างเทือกเขาแอนดีสและเทือกเขาชิเลียน โคสตัล เรนช์  จึงมีทัศนียภาพที่งดงาม ด้วยความที่เป็นหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ชั้นนำของโลก กิจกรรมเด็ดห้ามพลาดเมื่อเดินทางมาเยือนที่นี่ก็คือ การชิมไวน์ระดับเวิลด์คลาสที่ผลิตจากองุ่นพันธุ์ คาร์เมเนร์ (Carménère), มัลเบค (Malbec)  ซีราห์ (Syrah) และคาเบอร์เนต์ โซวิญอง (Cabernet Sauvignon) ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจก็คือการ ไต่เขา ปั่นจักรยาน ขี่ม้า เที่ยวชมหมู่บ้าน และเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ของอดีตนักค้าอาวุธสงครามตัวพ่อ “คาร์ลอส การ์ดอน”
โลนลี่ แพลนเน็ต แนะนำให้เข้าพักที่โรงแรมบนเนินเขาท่ามกลางไร่องุ่น คาซา ลาโปสโตล หรือ ลาโปสโตล เรสซิเดนท์  ซึ่งให้มุมมองอันกว้างไกลของเทือกเขาและไร่องุ่น แม้ว่าธุรกิจหลักของที่นี่คือการผลิตไวน์ชั้นนำของชิลี ภายใต้แบรนด์ “Clos Apalta” แต่ในส่วนของที่พักนั้นก็ไม่ธรรมดา เพราะคว้ารางวัลบูติกโฮเต็ลดีที่สุดในประเทศชิลีจากทราแวล แอนด์ ลีเชอร์ มาแล้วถึง 3 ครั้ง (ไวน์ของที่นี่ก็คว้ารางวัลและมีชื่อเสียงระดับโลกเช่นกัน) ส่วนในเรื่องอาหารการกินก็หายห่วง เพราะนอกจากทีมเชฟจะมีฝีมือขั้นเทพแล้ว ที่นี่ยังมีสวนผักออแกนิค และมีภัตตาคารสุดเก๋กลางไร่องุ่นอีกด้วย

10. โรงแรมดันตัน ฮอท สปริงส์  รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา
สำหรับคู่รักที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายสับสนของสังคมเมืองเพื่อไปพักผ่อน อย่างเงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติ ขอแนะนำให้มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐโคโลราโด ณ บริเวณภูเขาซานฮวนของเทือกเขาร็อกกี้ ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของเมืองร้าง แต่ปัจจุบันถูกบูรณะและพัฒนาให้เป็นรีสอร์ทหรูสไตล์กระท่อม เมื่อราว 100 ปีก่อน กระท่อมไม้ทั้งหมดที่เห็นในภาพเป็นบ้านของคนงานเหมืองแร่ (ภายหลังถูกทิ้งร้าง) แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นบ้านพักของโรงแรมดันตัน ฮอท สปริงส์ ซึ่งมีให้เลือกพักทั้งสิ้น 13 หลัง แต่ละหลังได้รับการบูรณะและซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพใกล้เคียงของเดิม พร้อมตกแต่งภายในใหม่ให้หรูหราสะดวกสบาย เห็นตั้งอยู่กลางป่าเขาอย่างนี้แต่ที่นี่ก็มีไฮสปีดอินเตอร์เน็ตแบบไร้สาย ให้บริการทุกหลัง ส่วนกิจกรรมก็มีให้ทำหลากหลายไม่ว่าจะเป็น การเดินป่า ขี่ม้า ตกปลา เล่นสกี ปีนเขา ขี่จักรยานวิบาก ล่องแพ พายเรือคายัค และแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อน เป็นต้น หากไม่ชอบพักในกระท่อมไม้เก่าแก่ สามารถเลือกพักในเต็นท์หรู “เครสโต้ แรนช์ เต็นท์ส”  ที่โรงแรมดันตัน ฮอท สปริงส์เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โซนที่พักแบบเต็นท์นี้ตั้งอยู่ตามแนวแม่น้ำห่างจากที่พักแบบกระท่อมราว 6 กม. และมีให้เลือกพักทั้งหมด 8 เต็นท์ด้วยกัน (ทุกเต็นท์มีห้องน้ำและอ่างอาบน้ำในตัว)

ทัวร์แนะนำ ที่คุณอาจจะสนใจ