พระใหญ่ไดบุตสึ แห่งเมืองคามาคุระ
พระใหญ่แห่งเมืองคามาคุระ (Kamakura Daibutsu, Great Buddha) นั้นมีชื่อจริงๆ ว่า พระอมิตตาพุทธ นิโอยุราอิ (Amida Nyoyurai) ตั้งภายในวัดโคโตกุอิน (Kotoku-in Temple) องค์ที่เห็นในปัจจุบันนี้สร้างจากสำริด เสร็จเมื่อปี พ.ศ.1795 ความสูงรวมฐานอยู่ที่ 13.35 เมตร เฉพาะองค์พระนั้นสูง 11 เมตร น้ำหนักราว 122 ตัน ถ้ามองไกลๆจะเห็นองค์พระที่ไม่สมส่วน ดูจากพระหัตถ์นั้นดูเล็กนิดเดียว หากอยากดูองค์พระนี้ให้สมส่วน ต้องเข้าไปยืนใกล้ๆห่างจากองค์พระ 4-5 เมตร แล้วแหงนหน้ามองขึ้นไป จะเห็นองค์พระดูสมส่วนรับกันทั้งองค์สวยงามขึ้น ส่วนองค์พระที่มองเห็นเป็นสีเขียวนั้น เกิดจากการที่สำริดทำปฎิกิริยาออกซิเดชั่นกับสภาพอากาศทั้งฝนและหิมะมายาวนานจนกลายเป็นสีเขียว หากสังเกตให้ดีจะเห็นรอยเชื่อมต่อโลหะ เชื่อมพระพุทธรูปองค์นี้ให้เป็นรูปร่างซ้อนกันขึ้นไปรวมทั้งหมด 8 ชิ้น
พระใหญ่องค์นี้ไม่ได้ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ยังมีองค์ที่ใหญ่กว่านี้ คือพระใหญ่แห่งเมืองนารา (Nara Daibutsu) ที่วัดไทโดจิ (Todaiji) ที่มีความสูง 14.73 เมตร สร้างจากสำริดเหมือนกันรูปร่างสมส่วนสวยงามกว่า แต่ไม่โด่งดังเป็นที่รู้จักเท่าพระใหญ่แห่งคามาคุระองค์นี้ที่เกิดจากความศรัทธาของชาวพุทธทั่วญี่ปุ่นที่มีส่วนร่วมในการบริจาคบูรณะปฎิสังขรณ์พระองค์นี้ขึ้นมาใหม่ รวมทั้งพระองค์นี้ก็สร้างเรื่องปาฎิหารย์ให้ผู้คนกล่าวขานกันมากด้วย
เดิมองค์พระใหญ่นั้นแกะสลักมาจากไม้ มีความสูงถึง 24 เมตร ประดิษฐานในวิหารแต่เมื่อวเกิดพรายุใต้ฝุ่นพันผ่านคามาคุระ ทำให้วิหารกับพระองค์ใหญ่ได้รับความเสียหายเกินกว่าจะซ่อมแซมได้
Inada Notsubone สตรีที่เคยรับโชกุนโยริโมโตะ มินาโมโตะ กับหลวงพ่อโจโคะ (Joko) จึงต้องออกเดินทางบอกบุญไปยังพุทธศาสนิกชน เพื่อสร้างองค์พระใหญ่อีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้สร้างจากไม้แล้ว แต่ใช้วัสดุที่คงทนอย่างทองสำริดด้วยช่างฝีมือดีสองคนคือ ทันจิ ฮิซาโตโมะ และโกโรอิมง โอโนะ (Taji Hisatomo, Goroe-mon Ono) สำเร็จในปี พ.ศ.1795 ประดิษฐานในวิหารของวัดโคโตกุอิน (Kotoku-in Temple)
ต่อมาเกิดพายุใต้ฝุ่นบ้าง แผ่นดินไหวบ้าง ทำให้วิหารที่สร้างครอบคองค์พระได้รับความเสียหายไปหมด แม้จะสร้างขึ้นมาใหม๋อีกหลายครั้ง ก็ถูกภัยธรรมชาติเหล่านี้ทำลายไปหมด จนกระทั่งครั้งสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ.2041 เกิดคลื่นยักษ์สินามิ (Tsunami) พัดถล่มชายฝั่งเมืองคามาคุระกวาดเอาวิหารและบ้านเรือนราษฎรลงทะเลไป แค่องค์พระใหญ่นั้นกลับประดิษฐานอยู่กับที่ไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน ยังคงประทับอยู่กลางแจ้งตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ท่ามกลางธรรมชาติโดยมีภูเขาเป็นฉากหลัง ช่วยปกป้องเมืองคามาคุระให้รอดพ้นจากภัยธรรมชาติตราบจนถึงทุกวันนี้ (กองทัพมองโกล ที่เข้ามารุกรานคามาคุระถึงสองครั้ง ต้องถอยทัพกลับไป เพราะเกิดเหตุการภัยธรรมชาติที่ข้องกับเหตุการณ์ของพระองค์ใหญ่ทั้งสองครั้งสองครานี้ด้วยเช่นกัน) จึงเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาจากคนญี่ปุ่นมาก ด้วยสัจธรรมคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า "ความดีเท่านั้นที่คงทน"
ภายบริเวณวัดนอกจากพระองค์ใหญ่ที่สามารถเข้าไปชมในตัวองค์พระได้แล้ว ด้วยซ้ายมือมีต้นสนที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่7 ทองปลูกในวโรกาสที่เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เยือนวัดโคโตกุอิน เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2474
นอกจากชมวัดแล้ว ด้านหน้าวัดยังมีความขายของที่ระลึก มีรูปจำลองพระองค์โตให้เลือกบูชา และยังมีพวกไม้ประคบ รองเท้าแบบญี่ปุ่นและมีดาบซามูไรให้ซื้อเก็บไว้เป็นของที่ระลึกกันด้วย