เที่ยวสุสาน Humayun 's Tomb

 

เที่ยวสุสาน Humayun 's Tomb 

สุสานกษัตริย์แห่งนี้เป็นระดับ “World Heritage” เลยนะคะ...สุสานแห่งมีนามว่า “Tomb of Humayun” ค่ะ ถือว่าเป็นสุสานหลวงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนครเดลลีทีเดียว (ในบริเวณกรุงเดลลีมีสุสานหลวงเยอะแยะเต็มไปหมด เพราะมีทั้งจักรพรรดิและสุลต่านหลายราชวงศ์ครอบครองดินแดนแถบนี้มาหลายยุคหลายสมัยค่ะ) จะน่าดูชมเพียงใด ตามมาเลยครับ

                                                                                                                                                                         ทางเข้าสุสานเห็นป้ายชัดเจน....

  

 ตรงนี้เป็นประตูทางเข้าด้านทิศตะวันตกค่ะ จะมองเห็นยอดโดมใหญ่ของตัวสุสานพอดี...สุสานหลวงแห่งนี้มีอาณาบริเวณกว้างขวางมาก มีกำแหงหินล้อมรอบอย่างมั่นคงถึง 2 ชั้น ยังกะเป็นพระราชวังอีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว..

เมื่อมองลอดซุ้มประตูไป ก็จะเห็นถึงถึงความยิ่งใหญ่ของ “Tomb of Humayun”....

สุสานหลวงแห่งนี้ เป็นที่ฝังพระศพจักรพรรดิหุมายุน (Humayun) จักรพรรดิองค์ที่สองของราชวงศ์มูฆัล...โดยทรงครองราชย์สองรอบ... รอบแรกครองอยู่ดีๆก็โดนกองทัพสุลต่านเชอร์ชาห์สุรีมาขับไล่ จนต้องเสด็จหนีไปเก็บตัวเงียบๆอยู่ไกลถึงเปอร์เซีย (อิหร่าน) ต่อมาก็เริ่มสั่งสมกำลังมากพอแล้วกลับมายึดกรุงเดลลีคืนได้สำเร็จในที่สุด จึงได้ครองราชย์รอบที่สองจวบจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ด้วยอุบัติเหตุ “ตกบันได”…นับเป็นชีวประวัติของกษัตริย์ที่แปลกอีกองค์หนึ่ง...สำหรับผู้สร้างสุสานแห่งนี้ก็คือพระมเหสีหม้ายขององค์จักรพรรดินั่นเอง เนื่องจากพระนางเป็นชาวเปอร์เซีย จึงสั่งทั้งสถาปนิกและช่างฝีมือ import มาจากอิหร่าน ดังนั้นศิลปะของสุสานแห่งนี้แม้ว่าจะเป็น “ศิลปะอิสลาม” แต่ก็เป็นแบบ Persian Style ส่งตรงจากประเทศอิหร่าน ไม่ใช่ Indian Style ....

จุดเด่นของ Persian Style อยู่ตรงที่ยอดโดมใหญ่ที่เป็นหินอ่อนสีขาว ซึ่งจะเป็นโดมที่กลมๆเกลี้ยงๆทั้งลูก ไม่เหมือนกับโดมแบบ Indian Style ที่จะมีรูปกลีบดอกไม้ประดับอยู่ตรงโคนยอดเสมอค่ะ....

สิ่งนึงที่นิยมสร้างกันมากจนเป็นตัวหลักในการจัด Landscape ของสถาปนิกสมัยราชวงศ์มูฆัล ก็คือ “ระบบน้ำพุ” ...ซึ่งเค้าจะทำเป็นร่องน้ำเล็กๆพุ่งตรงไปตามทางเดิน ตรงจุดบรรจบกันก็จะมีแอ่งน้ำที่ติดตั้งหัวน้ำพุไว้ น้ำพุเหล่านี้ไม่มีมอเตอร์แบบสมัยใหม่นะคะ...แต่เค้าใช้ทฤษฎีแรงดันของน้ำตามภูมิปัญญาโบราณค่ะ น้ำก็เลยมีพุ่งอยู่ตลอด แม้จะไม่สูงใหญ่เท่าน้ำพุสมัยใหม่แต่ก็น่าทึ่งในภูมิปัญญาคนโบราณเค้าค่ะ (ระบบน้ำพุอย่างนี้ เมืองไทยเราก็มีที่วังนารายณ์ราชนิเวศน์เมืองลพบุรี)...ระบบน้ำพุโบราณที่ Tomb of Humayun นี้ได้รับการซ่อมแซมจนกลับมาใช้ได้เหมือนเมื่อ 500 ปีก่อนแล้วค่ะ

ตัวฐานด้านล่างของสุสาน จะทำเป็นประตูโค้งแหลมเป็นช่องๆเรียงต่อกันอย่างที่เห็น...ในช่องประตูเหล่านั้นว่ากันว่าจะเป็นที่ฝังศพของบรรดาขุนนางคนสนิทขององค์จักรพรรดิ...

ที่น่าสนใจก็คือ วิธีการตกแต่งผนัง เนื่องจากตัวอาคารเป็นหินทรายสีแดง สถาปนิกจึงออกแบบการตกแต่งแบบเรียบง่าย โดยใช้หินอ่อนสีขาวมีทำเป็นเส้นๆแถบ แล้วฝังลงไปในพื้นผนังหินทราย เป็นลวดลายแบบเรขาคณิตตามที่ช่างมุสลิมถนัด...ทำให้ผนังหินโล่งๆดูมีลวดลาย

การตกแต่งผนังด้านนอกของที่นี่ ก็เน้นความเรียบง่ายเช่นกันค่ะ...สังเกตดูจะเห็นลวดลายไม่มากนัก สถาปนิกเค้าเล่นกับสีสันของวัสดุมากกว่า โดยใช้หินทรายสีแดงเป็นหลักแล้วตัดด้วยโทนสีขาวของหินอ่อน บางช่วงก็ใช้หินทรายสีเหลืองกับสีดำด้วย

ที่เห็นอยู่ตรงกลางโน่นก็คือ “โลงพระศพ”ขององค์จักรพรรดิหุมายุน.ซึ่งเป็น“โลงปลอม” ค่ะโดยธรรมเนียมการฝังศพของศาสนาอิสลาม ต้องฝังลงดินค่ะ ดังนั้นโลงพระศพจริงจะอยู่ในอุโมงค์ใต้พื้นนี่ลงไปอีก เราจะมองไม่เห็นค่ะ.โลงที่เห็นของบนนี้เค้าทำไว้เป็นสัญลักษณ์เท่านั้น

ตามช่องหน้าต่างข้างในนั้น...ช่างโบราณก็เอาแผ่นหินทรายแดงทั้งแผ่น มานั่งฉลุฉลักเฉลาจนเป็นลายโปร่งๆยังกะลูกไม้ ทั้งนี้เพื่อต้องการให้มีแสงสว่างๆสิ่งผ่านลายฉลุนี้เข้าไปได้...ที่น่าทึ่งก็ตรงที่เทคนิคฉลุเนี่ย คนทั่วโลกเค้าใช้กะวัสดุที่เนื้อไม่แข็งเกินไป อย่างแผ่นไม้หรือกระดาษ...แต่ช่างโบราณที่นี่เล่นใช้กะวัสดุที่ทั้งแข็งและเปราะอย่างหินทรายเลยค่ะ ฉลุกันจนโปร่งได้หน้าตาเฉย ทำได้สวยงามราวกับเป็นลูกไม้ลายตาข่ายกันเลย... ..

ที่ตรงมุมของตัวสุสานจะทำเป็นห้องใหญ่เช่นกัน...ด้านในจะเป็นที่ฝังพระศพบรรดา “พระมเหสี” และพระชายาคนโปรดขององค์จักรพรรดิ โลงที่เห็นก็เป็นของจำลองทำเป็นสัญลักษณ์เช่นกันค่ะ...โลงนี้สวยดีทีเดียว...เป็นโลงหินอ่อนสลักเสลาเป็นลวดลายอักษรอาหรับ เข้าใจว่าคงเป็นเนื้อความในคัมภีร์อัลกุรอ่านค่ะ...

ผนังด้านนอกของห้องฝังพระศพพระมเหสีครับ...โล่งๆเรียบๆแต่ดูดี

ระเบียงรอบๆตัวสุสาน...ก็มีพนักโดยรอบทุกด้านครับ สามารถเดินเล่นบนนี้ได้โดยไม่ต้องกลัวตก ...ซึ่งที่พนักระเบียงเนี่ย ช่างยังคงโชว์ความสามารถในการฉลุหินทรายได้ปรุโปร่งราวกับเป็นเครื่องจักสานเช่นกัน สังเกตว่า การฉลุลายเค้ายังพลิกแพลงไปได้หลายแบบ

 มีทั้งแบบลายดอกไม้และลายรวงผึ้ง ดูเรียบง่ายแต่ฝีมือไม่เบาเลย...

ภายในบริเวณสุสานหลวงนี้ ก็มีสุสานขนาดเล็กอีกแห่งนึงค่ะ...เรียกกันว่า “สุสานช่างตัดผม” (Barber Tomb) น่าจะเป็นช่างตัดผม “คนโปรด” ขององค์จักรพรรดิ ท่านเลยให้มาอยู่ด้วยใกล้ๆเวลาตาย จะได้ตามไปให้พระองค์ท่านบนสวรรค์โน่นเลย...ท่าทางช่างตัดผมแกคงฝีมือดี จักรพรรดิถึงโปรดมากขนาดนี้...โปรดสังเกต...โดมสุสานช่างตัดผมนี้จะเป็นแบบ Indian Style ที่มีรูปกลีบดอกไม้อยู่บนยอดค่ะ ไม่เหมือน Persian Style ของสุสานหลวงนะคะ...

 

 

 

 

 

 

ทัวร์แนะนำ ที่คุณอาจจะสนใจ