เมืองเฉิงตู
เมืองเฉิงตู
สถานที่ตั้ง : บริเวณตะวันตกตอนเหนือของลุ่มน้ำเสฉวน
ภาษา : ภาษาจีนแมนดารินแบบทางตอนใต้
อาหาร : อาหารท้องถิ่นของเมืองเฉิงตู เป็นหนึ่งในอาหารจีน ที่ขึ้นชื่อ โดยเฉพาะอาหารที่มีชื่อว่า Grandma Chen's Bean Curd หรือ มีชื่อท้องถิ่นว่า Chen Mapo Dofu เป็นอาหารที่ประกอบด้วยเนื้อบดละเอียด ผสมด้วยน้ำพริกเผาและซอสพริกไทยป่า อาหารขึ้นชื่ออีกประเภทคือ Husband and Wife Beef Slices
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของ เฉิงตู
แหล่งทิวทัศน์ Jiu Zha Gou
เป็นแหล่งทัศนียภาพที่งดงาม อยู่ทางตอนเหนือของ มณฑลเสฉวน บริเวณดังกล่าวล้อมรอบด้วยทะเลสาบ น้ำตก ลำธาร ภูเขาหิมะ ป่าไม้และหมู่บ้านชาวธิเบต ซึ่งตั้งอยู่รายรอบเป็นระยะทางกว่า 60 กิโลเมตร และภายในหุบเขามีทะเลสาบหล่อเลี้ยงอยู่ถึง 108 แห่ง โดยทะเลสาบที่ยาวที่สุด มีความยาวถึง 7,000 เมตร และกว้างนับพันเมตร ขณะที่ยอดเขา ที่สูงที่สุดในบริเวณนี้ มีชื่อว่า Sword Rock ตามลักษณะของยอดเขา
แหล่งทิวทัศน์ Jiu Zha Gou นี้ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในมรดกโลก ของยูเนสโกด้วย เนื่องจากความงดงามของธรรมชาติ ที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ ประกอบกับลักษณะภูมิประเทศ ที่น่าอัศจรรย์ บริเวณที่มีการกล่าวขวัญกันมากที่สุด คือ บริเวณทะเลหลากสี (Colorful Lake) เนื่องจากความน่าอัศจรรย์ของพื้นผิวน้ำ ที่ถูกประดับประดา ด้วยต้นไม้โบราณ ที่วางทอดยาวดุจปูพรมให้กับพื้นน้ำ ที่กำลังส่องแสงระยิบระยับ ล้อเลียนแสงอาทิตย์ บริเวณทิวทัศน์ Jiu Zha Gou เป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ ด้วยพืชพรรณธรรมชาติ และสัตว์ท้องถิ่น เป็นบริเวณที่มีบรรยากาศแบบสบายๆ และมีลักษณะภูมิอากาศที่เหมาะสม ทำให้เป็นแหล่งของต้นสน และต้นไม้ที่มีน้ำมันชนิดหนึ่งของ จีน และยังเป็นที่อยู่อาศัย ของสัตว์จำพวกมีกระดูกสันหลัง 170 ชนิด และนกนานาชนิดอีก 141 ประเภท รวมถึงแพนด้ายักษ์ ตัวนู และลิงขนทอง
แหล่งทิวทัศน์ Huang Long หรือ Yellow Dragon
นั่งรถจากแหล่งทิวทัศน์ Jiu Zha Gou มา 3 ชั่วโมง คุณจะได้เห็นแหล่งทิวทัศน์ที่สวยงามอีกที่หนึ่ง ซึ่งรู้จักกันดีในนาม "The World Marvelous Scenery" ตั้งอยู่เขต Songpan ใกล้กับธิเบต มีชื่อเรียกว่า Yellow Dragon บริเวณ Yellow Dragon นี้เป็นลุ่มน้ำลึกยาว 3.6 กิโลเมตร เป็นแม่น้ำที่เกิดจากการสะสมของชั้นตะกอนและหินปูนแบบหนึ่งที่อยู่ในน้ำพุ มีลักษณะคล้ายคลึงกับมังกรสีเหลืองขนาดใหญ่ ทำให้ถูกเรียกขานว่า Yellow Dragon บนพื้นที่ 700 ตารางกิโลเมตร ช่วยสร้างสรรค์ให้เกิดลักษณะภูมิประเทศที่น่ามหัศจรรย์ กล่าวคือ พื้นที่ดังกล่าว ถูกล้อมรอบด้วยทิวทัศน์ ภูเขาหิมะ น้ำตก และป่าที่ยังคงอุดมสมบูรณ์อยู่ ขณะที่น้ำตกหลายสาย ต่างไหลพรั่งพรู ระหว่างทะเลสาบหลายแห่ง น้ำตกที่สวยงามที่สุดอยู่บริเวณใจกลาง Yellow Dragon มีชื่อว่า น้ำตกนูโอริน่า (Nuorina)เทือกเขา Emei และรูปปั้นสลักพระพุทธเจ้า ตั้งอยู่ที่เมือง Emeishan มณฑลเสฉวน เป็นบริเวณเทือกเขา ที่คงความงดงามของธรรมชาติ ไว้อย่างน่าทึ่ง มีลักษณะภูมิประเทศ สิ่งแวดล้อมที่ได้รับการสงวนรักษาไว้เป็นเขตนิเวศวิทยา และยังเป็นเขตโบราณสถาน ที่มีรูปปั้นของพระพุทธเจ้าขนาดใหญ่ (Giant Buddha) รวมถึงยังเป็นบริเวณที่อยู่อาศัย ของพืชพรรณนานาชนิด 3,200 ประเภท และสัตว์ท้องถิ่นหายากกว่า 2,300 ชนิด สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ช่วยให้บริเวณดังกล่าวมีลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร จุดที่สูงที่สุด ของบริเวณนี้อยู่ที่เหนือระดับน้ำทะเล 3,077 เมตร มีทิวทัศน์ที่ไม่มีที่ใดเหมือน ที่กึ่งกลางของเทือกเขา Emei ท่ามกลางป่าทึบ และดอกไม้นานาพรรณ เป็นบริเวณที่อาบน้ำของช้าง และบริเวณ Nine Old Men รวมถึงภูเขา Hongchunping ภายในบริเวณนั้น มีวัดหลายแห่ง ที่มีชื่อเสียงคือ วัดหมื่นปี (Ten-Thousand-Year Temple) บริเวณโถงใหญ่จะมีรูปปั้นทองสัมฤทธิ์พระพุทธเจ้าขนาดใหญ่ ที่มีชื่อว่า Samantabhadra พระพุทธรูปองค์นี้หล่อขึ้นในราชวงศ์ซ่ง มีความสูงถึง 7.55 เมตร หนัก 62 ตัน และเป็นโบราณวัตถุที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของ จีน นอกจากนี้ ภายในเทือกเขา Emei ยังมีวัด Tiger Taming ซึ่งเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้ ล้อมรอบด้วยแหล่งวัตถุโบราณของ จีน ที่น่าสนใจ ทำให้เทือกเขา Emei แห่งนี้ เป็นที่ที่ควรค่าแก่การศึกษาทางประวัติศาสตร์ จีน และวัฒนธรรมต่างๆ ของ จีน นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งที่พักของนักท่องเที่ยวด้วย
ถัดไปเป็นบริเวณที่เรียกว่า Giant Buddha of Leshan หรือบริเวณที่ตั้งของพระพุทธเจ้าขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงของ จีน และของโลก มีลักษณะเป็นรูปสลักหินในท่านั่ง ของพระพุทธเจ้าที่สูงถึง 71 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางภูเขาสูงและแม่น้ำ 3 สาย รูปสลักพระพุทธเจ้านี้ ได้รับการยกย่องให้เป็นเลิศ ในการสร้างสรรค์ศิลปะการแกะสลักหิน อีกทั้งเชื่อว่าเป็นรูปสลักที่มีความสูงที่สุดในโลก บริเวณแห่งนี้ มีมรดกโลก ที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติ และวัฒนธรรมเข้ากันอย่างลงตัว และบนพื้นที่ 2.5 ตารางกิโลเมตร จะได้พบกับรูปปั้นยักษ์ สมัยราชวงศ์ถังตั้งอยู่ศูนย์กลาง ล้อมรอบด้วยสภาพทิวทัศน์ธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีรูปปั้นพระพุทธเจ้า สมัยราชวงศ์ถังและซ่ง เจดีย์ วัด และสถาปัตยกรรมชั้นเลิศในสมัยราชวงศ์หมิง และ ราชวงศ์ Qing บริเวณดังกล่าวเหมาะแก่นักท่องเที่ยว ที่ชื่นชอบศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบจีน
พระราชวังโพธาลา ในกรุงลาซา (Lhasa)
พระราชวังโพธาลานี้ ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงในเมืองลาซา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของธิเบต พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 โดยกษัตริย์ Songtsan Gambo ที่สร้างพระราชวังแห่งนี้เพื่อเป็นสินสอดแก่เจ้าหญิงชาวฮั่นซึ่งมีพระนามว่า Wen Cheng ต่อมาในปี 1645 สมัยองค์ดาไลลามะที่ 5 ได้ทำการบูรณะซ่อมแซม และขยับขยายพระราชวังจนมีขนาดเท่าในปัจจุบัน และหลังจากนั้น เป็นต้นมา องค์ดาไลลามะก็ได้พำนักอยู่ที่นี่เรื่อยมา จนชาวบ้านเรียกพระราชวัง Potala ว่า ภูเขาของพระพุทธเจ้า (Budha's Mountain) ความมหัศจรรย์ของพระราชวังแห่งนี้ อยู่ที่การสร้างสถานบูชา และห้องโถงสำหรับการเคารพสักการะพระพุทธเจ้า ให้ลดหลั่นตามเนินเขา พระราชวังแห่งนี้สูงถึง 110 เมตร และมีความกว้าง 360 เมตร มีห้องโถงสำหรับการบวงสรวง 8 แห่ง พร้อมด้วยรูปปั้นพระพุทธเจ้าอีก 10,000 องค์ ภายในถ้ำคุณจะได้เห็นรูปปั้นของกษัตริย์ Songtsan Gambo และเจ้าหญิง Wen Cheng รวมถึงสถูป ขององค์ดาไลลามะทั้งหมด ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีต และงดงามอย่างหาค่ามิได้ โดยเฉพาะสถูปขององค์ดาไลลามะที่ 5 ที่คลุมด้วยแผ่นทองซึ่งประดับตกแต่งด้วยหยกและหินสวยงาม พระราชวังโพธาลานี้ถือได้ว่า เป็นสถาปัตยกรรมแบบธิเบตชั้นยอด ที่ผสมผสานด้วยศิลปะแบบฮั่น มองโกเลีย และแมนจู