ข้อมูลทั่วไปและการเดินทางในประเทศญี่ปุ่น
ข้อมูลทั่วไปของญี่ปุ่น
ที่ตั้ง ตั้งอยู่ด้านฝั่งตะวันออกของทวีปเอเชีย หรือทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก ประเทศญี่ปุ่นมัลักษณะเป็นเกาะ ทำให้กูมิประเทศติดกับทะเล ไม่ติดกับประเทศใดเลย การที่ประเทศญี่ปุ่นมีลักษณะเป็นเกาะ ทำให้ญี่ปุ่นเผชิญกับปัญหาแผ่นดินไหวมากกว่าทุก ๆ ประเทศในโลก ที่ทำให้ญี่ปุ่นประสบกับภาวะแผ่นดินไหวเช่นนี้เพราะ ญี่ปุ่นมีสภาพภูมิศาสตร์ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนต่าง ๆ มากมาย
เมืองหลวง กรุงโตเกียว
โตเกียว สมัยก่อนเรียกว่า "เอโดะ" เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของญี่ปุ่นมาตั้งแต่ พ.ศ. 2146 โดยท่านโชกุนอิเอยาสุ โทกุกาว่า (Ieyasu Tokugawa) เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระจักรพรรดิที่ทรงประทับในพระราชวังเกียวโต (มหานครตะวันตก)
เมืองเอโดะ ได้กลายเป็นศูนย์กลางทางการ เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และเจริญรุ่งเรื่่องอยู่ตลาดระยะเวลา 263 ปีของสมัยเอโดะ เมื่อระบบโชกุนเสื่อมอำนาจลง ญี่ปุ่นจึงเข้าสู่ยุคปฎิวัติเมจิ พระจักรพรรดิกลับมีอำนาจอีกครั้ง พระจักรพรรดิเมจิ จึงเปลี่ยนชื่อเอโดะเป็นโตเกียว ที่มีความหมายว่า "มหานครทางตะวันออก" และย้ายที่ประทับจากเกียวโตมาอยู่ปราสาทเอโดะ ซึ่งก็คือพระราชวังอิมพีเรียลในปัจจุบันนี้
กรุงโตเกียวเติบโตขั้นอย่างรวดเร็ว ผ่านความทุกข์ยากมาทั้งเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2466 และสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ถูกทิ้งระเบิดจากฝ่ายสัมพันธมิตรไปมากกว่า 102 ครั้ง จึงทำให้ในปัจจุบันหาโบราณสถานชมได้ยากนัก ไม่เหมือนเมืองเกียวโต หรือเมืองนาระที่เคยเป็นเมืองเก่านั้น ฝ่ายสัมพันธมิตรไม่เข้าไปกร้ำกรายทำลายเลย
ด้วยจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ร้อนแรงทำให้การพัฒนาเมืองเป็นไปอย่างรวดเร็ว จนขาดระเบียบและการจัดวางผังเมืองที่ดี ตึกรามบ้านช่องอาคารสถานที่ต่างๆ ก็ผุดขึ้นแทบทุกหนทุกแห่ง ที่ดินราคาแพงมาก แม้จะเป็นมหานครที่ใหญ่ที่ในโลกแห่งหนึ่ง แต่ก็หาถนนที่กว้างขวางนั้นแทบไม่ได้ โตเกียวในปัจจุบันจึงอยู่ด้วยความอึดอัด คับแคบ ประชากรจากชนบทก็มุ่งเข้าเมืองมาหางานทำ จากการสำมะโนประชากรเมื่อปี พ.ศ. 2553 กรุงโตเกียวทั้ง 23 เขต มีประชากรทั้งสิ้นราว 12 ล้านคน นี่ยังไม่นับประชากรในเมืองรอบนอก ที่เดินทางเข้าทำงานในโตเกียว จึงคาดการณ์กันว่ากรุงโตเกียว มีคนอาศัยอยู่กันจริงๆ ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน (จากประชากรทั้งประเทศ 128 ล้านคน)
แต่ถึงอย่างไร โตเกียวก็ยังเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ ที่นักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางไปท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย ได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นและคาดไม่ถึงอยู่เสมอ ทั้งวัฒนธรรม วิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นที่ผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัยที่เร็วกว่าอนาครได้อย่างกลมกลืนลงตัวและน่าประหลาดใจ
ภาษา ใช้ภาษาญี่ปุ่นในการติดติดต่อสื่อสาร ตัวอักษรในภาษาญี่ปุ่นสามารถจำแนกออกเป็นสองกลุ่ม คือ ตัวอักษรที่ใช้ง ซี่งได้แก ฮิระงะนะ และ คะตะคะนะ กับ ตัวอักษรที่แสดงความหมาย ที่เรียกว่า คันจิ โดยใช้ร่วมกับตัว เลขอารบิก และตัวอักษรโรมัน ซึ่งจะมีความหลากหลายมากกว่าภาษาที่ใช้ในประเทศใกล้เคียง เช่น ภาษาจีน ซึ่งใช้ตัวอักษรจีน เป็นหลัก ส่วนภาษาญี่ปุ่น ก็จะใช้ อักษรฮันกุลเป็นหลัก
ชุดประจำชาติญี่ปุ่น คือชุด"กิโมโน" ซึ่งในประเทศญี่ปุ่น แบ่งสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานของมนุษย์ออกได้เป็น 3 อย่างคือ "เสื้อผ้า" "อาหาร" "ที่อยู่อาศัย" การที่เสื้อผ้ามีความสำคัญเป็นอันดับแรกก็เพราะมีความเชื่อมาเป็นเวลานานว่า เสื้อผ้าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้รู้จักฐานะทางสังคม อาชีพ อุปนิสัยใจคอของคน ๆ นั้นได้ จึงให้ความสำคัญกับเสื้อผ้าเป็นพิเศษ
ภูมิอากาศ
ญี่ปุ่นมี 4 ฤดูหลัก ที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน คือ
ฤดูใบไม้ผลิ : (มีนาคม-พฤษภาคม) อากาศอบอุ่น
ฤดูร้อน : (มิถุนายน-สิงหาคม) อากาศร้อนชื้นโดยมีช่วงฤดูฝนสั้นๆ ประมาณ 1 เดือนในช่วงต้นฤดู
ฤดูใบไม้ร่วง : (กันยายน-พฤศจิกายน) อากาศอบอุ่น โดยมีพายุไต้ฝุ่นมากในช่วงเดือนกันยายน
ฤดูหนาว : (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) อากาศหนาว มีหิมะตกมากทางภาคเหนือของประเทศและฝั่งทะเลญี่ปุ่น ส่วนทางใต้และฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก อากาศจะอบอุ่นกว่า
ระเบียบการเข้าเมือง
ปัจจุบันการทำหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตมีความสะดวกและรวดเร็ว โดยการไปยื่นคำร้องด้วยตนเองที่กองหนังสือเดินทาง กระทรวงการต่างประเทศ หรือที่สำนักงานสาขาของกองหนังสือเดินทาง ทุกวันเวลาราชการ และเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น ผู้ยื่นคำร้องจะต้องมีเอกสารครบถ้วน พร้อมเงินค่าธรรมเนียม 1,130 บาท ( รวมค่าถ่ายรูป , ค่าเขียนคำร้อง , ค่าอากรแสตมป์ และค่าส่งทางไปรษณีย์ ) โดยใช้เวลาตั้งแต่ยื่นคำร้องจนถึงเสร็จสิ้นขึ้นตอนทั้งหมด ประมาณ 30 นาที
ขั้นตอนการยื่นขอหนังสือเดินทาง
1.ถ่ายรูป ( ชำระค่าถ่ายรูป 75 บาท ) แล้วรอรับคำร้อง
2.ชำระค่าธรรมเนียม 1,000 บาท
3.จ่ายเงินค่าเขียนคำร้อง 10 บาท ค่าอากรแสตมป์ 5 บาท
4.นำคำร้องที่ปรากฎรูปถ่ายไปให้เจ้าหน้าที่เขียนคำร้อง
5.ยื่นคำร้องที่กรอกข้อความเรียบร้อยแล้วตามช่องที่กำหนดแล้วรอรับใบรับเล่มและใบเสร็จรับเงิน
6.ติดต่อขอส่งหนังสือเดินทางทางไปรษณีย์ค่าบริการ 40 บาท
7.ท่านจะได้รับหนังสือเดินทางภายใน 10 วันทำการ
เอกสารเพิ่มเติมตามความจำเป็นแล้วแต่กรณี
- ใบเปลี่ยนชื่อและสกุล
- ทะเบียนสมรส
- ทะเบียนหย่า
- ทะเบียนการรับบุตรบุญธรรม
- ทะเบียนการรับรองบุตร
- ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวของบิดาและมารดา หมายเหตุ : เอกสารทุกฉบับต้องนำต้นฉบับมาพร้อมสำเนา 1 ชุด
วิธีการขอรับการตรวจลงตราวีซ่ามี 2 วิธี คือ
1.การขอโดยการพิจารณาล่วงหน้า สามารถขอวีซ่าได้ด้วยตนเอง ณ สถานฑูตหรือสถานกงศุลญี่ปุ่น ขั้นตอนค่อนข้างเสียเวลานานเพราะจะรวมถึงการส่งเอกสารไปมาจากญี่ปุ่น รวมทั้งระหว่างสถาบันในประเทศญี่ปุ่นด้วย
2.การขอโดยใช้หนังสือแสดงสถานภาพการอยู่อาศัยในญี่ปุ่น หลังจากนักศึกษาหรือผู้แทนได้รับใบรับรองสถานภาพการอยู่อาศัยในญี่ปุ่นแล้ว นักศึกษาสามารถใช้ใบรับรองนี้เพื่อขอวีซ่าได้ที่สถานฑูตหรือสถานกงศุลญี่ปุ่น ซึ่งวิธีนี้ค่อนข้างง่ายและรวดเร็ว
ข้ออนุญาติศุลกากร
การนำเข้าสิ่งของโดยปลอดภาษี ของใช้ส่วนตัวและอุปกรณ์ประกอบอาชีพสามารถนำเข้าไปในญี่ปุ่นได้โดยปลอดภาษี นอกจากนี้ท่านยังสามารถนำเข้าโดยปลอดภาษีมีบุหรี่ 400 มวน ยาสูบ 500 กรัม หรือซิการ์ 100 มวน เครื่องดื่มมี อัลกอฮล์ 3 ขวด น้ำหอม 2 ออนซ์ ตลอดจนของที่ระลึก ซึ่งตีราคารวมกันแล้วไม่ถึง 200,000 เยนหรือเทียบเท่า บุคคลที่อายุยังไม่ถึง 19 ปี และอายุเพียง19 ปี ไม่อนุญาตให้นำเข้าบุหรี่หรือเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์
สิ่งของต้องห้ามในการนำเข้าประเทศญี่ปุ่น
1.ฝิ่น กัญชา และยาเสพติดทุกประเภท ยากระตุ้นประสาท( รวมไปถึงยาดมด้วยเช่นกัน)
2.อาวุธ
3.สื่อที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณชน หรือขัดต่อศีลธรรม เช่นสื่อลามก ( หนังสือ / วิดีโอ / ภาพถ่าย และอื่น ๆ)
4.เหรียญปลอม ธนบัตรปลอม ของที่ละเมิดลิขสิทธิ์ เช่นของเทียม ลอกเลียนแบบ
5.สัตว์ป่าและพืช รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์ป่าและของป่า หากจะนำสัตว์หรือพืช (รวมถึงเมล็ดพันธุ์และผล) เข้าญี่ปุ่น จะต้องผ่านด่านการตรวจเช็คและควบคุมโรคอย่างละเอียด
เงินตราและบัตรเครดิต / ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยน
สกุลเงินของประเทศญี่ปุ่น ใช้สกุลเงินเยน สัญลักษณ์ลาตินคือ ¥ เงินเหรียญที่ใช้มีตั้งแต่ 1, 5 , 10 , 50 , 100 และ 500 เยนตามลำดับ ส่วนธนบัตรมีตั้งแต่ 1,000 , 2,000 , 5,000 และ 10,000 เยน ซึ่งสกุลเงินของญี่ปุ่นเป็นสกุลเงินที่มีการใช้กันอย่างกว้างขวางทั่วโลก โดยนิยมเก็บเป็นเงินสำรอง รองลงมาจาก ดอลลาร์สหรัฐ และเงินยูโร คำว่าเยน คนญี่ปุ่นมักจะอ่านออกเสียงว่า เอ็น อย่างไรก็ตามการอ่านออกเสียง เยน ถือเป็นชื่อมาตรฐานใช้กันทั่วโลก
ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนเงินเยน (YEN)
การเดินทาง
ประเทศญี่ปุ่นมีความเจริญก้าวหน้าทางด้านการคมนาคมมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านรถไฟ ที่คลอบคลุมเกือบทุกจุดหมายและมีบริการอยู่ทุกหนทุกแห่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูง นอกจากนี้ยังมีทางหลวง และบริการการบินภายในประเทศ และมีรถบัสหรือแท๊กซี่เป็นบริการเสริมเชื่อมในและรอบเมืองต่างๆ ขณะที่เรือเฟอรี่ก็มีบริการเชื่อมระหว่างเมืองท่าโตเกียว โอซาก้าและโกเบกับเมืองท่าหลักบนเกาะฮ็อกไกโด คิวชู และชิโคขุ หลายเส้นทาง
การคมนาคมขนส่งหลักของประเทศญี่ปุ่น
- สายการบินในประเทศ ได้แก่บริษัทสายการบิน เจแปนแอร์ไลน์ส (JAL) และออลนิปปอนแอร์เวย์ส (ANA)
- (Bullet) ชินคันเซ็น เป็นรถไฟที่มีความเร็วที่สุดในโลกโดยมีความเร็วเฉลี่ย 262 กิโลเมตร/ชั่วโมง ชินคันเซ็นตรงต่อเวลา ราบเรียบและเชื่อถือได้ ชินคันเซ็นมีทั้งหมด 6 สายในญี่ปุ่นโดยมีจุดเริ่มต้นที่โตเกียว (Tokyo)
- บริการรถไฟด่วน JR NIRITA EXPRESS เป็นบริการที่สะดวกรวดเร็ว และไปได้ถึงสถานีปลายทางในโตเกียว คือ สถานีโตเกียว สถานีชินจุกุ และสถานีอิเคบุคุโระ อีกทั้งสถานีโยโกฮะมะด้วย
- บริการรถด่วนและรถเร็ว KEISEI สามารถใช้บริการได้ที่สถานี Keisai Narita ชั้นใต้ดิน B 1 F ไปเชื่อมต่อกับสาย JR ได้ที่สถานีนิปโปริ
- รถเช่า มีบริการตามสถานีในเมืองใหญ่และสนามบินซึ่งผู้ใช้บริการต้องมีใบขับขี่สากลและต้องติดต่อเองโดยตรงเมื่อถึงญี่ปุ่น
- เรือเฟอรี่และเรือสำราญท่องเที่ยว(ครูซ) เชื่อมโยงเกาะต่างๆเข้าด้วยกัน เส้นทางที่ใช้กันมาก็คือ เส้นทางจากโตเกียวไปยังท่าเรือทางเหนือ บนเกาะฮ็อกไกโด และทางใต้ก็มีบริการไปไกลจนถึงหมู่เกาะโอกินาวา
- แท็กซี่ สำหรับการเดินทางในเมืองใหญ่ๆ แท็กซี่เป็นบริการที่สะดวก ใช้ง่าย การโบกเรียกแท็กซี่ ท่านจะต้องดูเสียก่อนว่า ไฟแดงที่มุมล่างขวาของกระจกกันลมหน้ารถนั้นมีแสงไฟหรือไม่ ถ้าไฟไม่ใช้สีแดง แต่เป็นสีอื่น แสดงว่า รถคันนั้นยังไม่ว่าง เพราะมีคนเรียกอยู่หรือจองอยู่ ในญี่ปุ่นไม่มีประเพณีให้ทิป ท่านชำระเพียงค่าโดยสารตามมิเตอร์เท่านั้น