ข้อมูลเที่ยวจีน : คุนหมิง
เส้นทางเที่ยวยอดนิยม คุนหมิง ต้าหลี่ ลี่เจียง แชงกรีล่า
แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆที่เมืองคุนหมิง >
ตำหนักทองจินเตี้ยน
ตำหนักทองแห่งนี้สร้างโดยแม่ทัพอู๋ซันกุ้ย ซึ่งสร้างด้วยทองเหลืองถึง 380 ตัน จึงทำให้ตำหนักมีความสวยเด่นแลดูเสมือนทอง จึงได้ชื่อว่า ตำหนักทอง นับได้ว่าเป็นตำหนักที่ใหญ่ที่สุดของจีน
เที่ยวคุนหมิง ชมตำหนักทอง (จินเตี้ยน) 金殿 ” ตำหนักทอง หรือตำหนัก จินเตี้ยน ตั้งอยู่บนภูเขา หมิงฟ่งซาน ด้านทิศตะวันออกจองตัวเมืองคุนหมิง ตำหนักทองจินเตี้ยนถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ หมิง และได้รับการบูรณะโดยอ๋อง หวูซันกุ้ย ผู้ปกครองดินแดนแถบนี้ในสมัยราชวงศ์ชิง ตำหนักหลังนี้มีความสูง 6.7 เมตร กว้างและยาว 6. 2 เมตร สร้างขึ้นด้วยทองเหลืองทั้งหลัง น้ำหนัก กว่า 250 ตัน เป็นสิ่งปลูกสร้างทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดของจีน มีกำแพงและป้อมล้อมรอบตำหนักเสมือนกำแพงที่ล้อมรอบเมือง มีกระบี่เจ็ดดาวน้ำหนัก 12 กิโลกรัม และดาบกายสิทธ์น้ำหนัก 20 กิโลกรัมถูกเก็บรักษาไว้ในศาลา เชื่อว่าทั้งสองเป็นอาวุธประจำกายของ อ๋อง หวูซันกุ้ย
วัดหยวนทง
"เที่ยวคุนหมิง ชมวัดหยวนทง园通寺" วัดหยวนทง เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุร่วม 1,200 ปี วัดหยวนทงถูกสร้างในสมัยราชวงศ์ ถัง วัดหยวนทงตั้งอยู่ใจกลางเมืองคุนหมิง จุดเด่นของวัดอยู่ที่อาคารต่าง ๆ ภายในวัดจะสร้างอยู่บริเวณตีนเขา ซึ่งแตกต่างไปจากวัดทั่วไปของจีนที่มักสร้างไว้ในที่สูง เช่น บนยอดเขาหรือเนินเขา มีการเล่าขานกันว่าแต่เดิมวัดหยวนทงเป็นเพียงศาลเจ้าแม่กวนอิม ภายหลังจากที่มีผู้คนมากราบไหว้มากขึ้นเรื่อย ๆ ศาลเจ้าจึงถูกสร้างเป็นวัดในเวลาต่อมา วัดหยวนทงเคยถูกทำลายในสมัยราชวงศ์หมิง และได้รับการซ่อมแซมในสมัยราชวงศ์ชิง ภายในวัดหยวนทงยังมีโบถส์ไทยอันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลองที่ท่านนายกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ได้อันเชิญมาจากจังหวัดพิษณุโลก เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีระหว่างไทย – จีน นับเป็นพระพุทธรูปองค์แรกของไทยที่ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดในเมืองจีนด้วย
เขาซีซาน
ตั้งห่างจากตัวเมืองคุนหมิง 29 กิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งของวัดในลัทธิเต๋า สร้างในช่วง ค.ศ.1718-1843 บางช่วงของเส้นทางต้องผ่านอุโมงค์หินที่สกัดไว้ตามไหล่เขา พร้อมชมศาลเจ้าและวัดจีนลัทธิเต๋า ซึ่งสร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของชาวบ้านที่มีประวัติความเป็นมายาวนานนับ 1,000 ปี การมาเที่ยวชมเขาซีซานท่านจะได้ชมความงดงามของ ทะเลสาบคุนหมิง เตียนฉือ และการมา ลอดประตูมังกร หลงเหมิน ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง เชื่อกันว่าเป็น ประตูแห่งความสิริมงคล ซึ่งถ้าผู้ใดได้เดินลอดผ่านประตูแห่งนี้ จะประสบแต่ความสำเร็จโชคดี ตอนลอดประตูมังกรก็ต้องลูบลูกแก้วมังกรด้วย ก่อนที่เราจะเดินผ่านประตูมังกรนี้ ให้นึกอธิษฐานในใจอยากได้สิ่งใด เดินผ่านเข้าไปก็แตะ 1 ครั้ง ประตูแห่งนี้ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมหน้าผา คนจีนเชื่อกันว่าเมื่อมาถึงคุนหมิงแล้วจะต้องไปลอดประตูมังกร เมื่อลอดแล้วฐานะจะเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งร้อยเท่า มีตำนานเล่ากันมาว่า ในสมัยก่อนแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดคือแม่น้ำเหลืองจะมีปลาหลีหือซึ่งเป็นปลาประจำชาติของจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ครั้งหนึ่งเกิดน้ำท่วมทำให้ปลาไหลไปอยู่ตามแม่น้ำสายอื่น เมื่อปลาไปอยู่แม่น้ำอื่นปลาไม่ชินกับคุณภาพน้ำจึงมีความพยายามว่ายทวนน้ำเพื่อกลับไปอยู่ในแม่น้ำเหลือง เมื่อปลามาถึงประตูมังกร ถ้าปลาตัวไหนกระโดดข้ามประตูได้ ก็จะให้เป็นมังกร ถ้าปลาตัวไหนกระโดดข้ามไม่ได้ ก็ต้องไปอยู่ในแม่น้ำเหลือง ปลาก็เลยมีความพยายามไปกระโดดข้ามประตูเพื่อเป็นมังกร เลื่อนจากปลาเป็นมังกรถือว่าฐานะของปลาเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า ดังนั้นประตูมังกรเหมือนเป็นการสอนคนจีนมาโดยตลอด คือเมื่อเรามีความพยายามก็จะประสบความสำเร็จ ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่เขาซีซาน คุนหมิง
จุดแรก เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยะ "เทพเจ้าแห่งโชคลาภ" ถือก้อนทองเหยียบเสืออยู่ ถ้าเอามือไปจับก้อนทองแล้วเอามาใส่กระเป๋าของเรา ก็จะมีเงินมีทองไหลมาเทมาอย่างไม่ขาดสาย
จุดที่สอง "ศาลเจ้าตั่วเล่าเอี้ย" หรือ "ศาลเจ้าพ่อเสือ" คือเทพเจ้าที่กราบไหว้เพื่อให้อายุยืนสุขภาพแข็งแรง และพ้นภัยพิบัตินานา โดยเฉพาะถ้าได้ลูบหัวเต่าและลูบตัวงูที่พันเต่าอยู่ตรงหน้าศาลเจ้า ซึ่งเต่ากับงูนี้ถือเป็นกระเพาะกับลำไส้ของท่านตั่วเล่าเอี้ย มีเรื่องเล่าว่า ตั่วเล่าเอี้ย ตอนที่ท่านฝึกเป็นเซียนนั้น เพียรอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ท่านจึงได้ตั้งสมาธิแล้วใช้กระบี่ผ่าท้องเพื่อเอากระเพาะกับลำไส้ออกมา ไม่ดื่มน้ำไม่กินข้าว เมื่อกายที่ท่านได้ทำบาปมาร่วงหลุดออกไปตัวก็เบาขึ้นและก็สำเร็จเป็นเซียนในเวลาต่อมา หลังจากที่ท่านได้เป็นเซียนแล้วกระเพาะกับลำไส้ที่วางตรงหน้าท่านก็กลายเป็นเต่าและงู คนในลัทธิเต๋าจึงไม่กินงูกับเต่า
จุดที่สาม "บ่อน้ำวัวกตัญญู" ที่บ่อแห่งนี้จะมีวัวอยู่ด้วย เพราะวัวตัวนี้เป็นที่มาของบ่อน้ำ มีเรื่องเล่าว่า วัวตันนี้กตัญญูกับเจ้าของมาก เพื่อที่จะให้เจ้าของได้ดื่มน้ำที่บนภูเขาซีซาน เขาได้ใช้เขาเจาะหน้าผาตรงหินนี้ได้เป็นสายน้ำและเป็นบ่อน้ำเล็กๆให้เจ้าของของเขาที่ชื่อเจ้าอู่ได้กิน เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่สั่งสอนคนเราว่าอย่าไปฆ่าสัตว์เพราะเขามีความกตัญญูต่อเจ้าของอย่างจริงใจ
จุดที่สี่ "ศาลเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตร" หรือ "เจ้าแม่กวนอิมส่งลูก" ถ้าใครแต่งงานยังไม่มีบุตรก็ไปขอกับท่านได้
จุดสุดท้ายคือ "ประตูมังกร" หรือศาลเจ้ามังกรหรือไข่มังกร เพื่ออธิฐานขอโชคลาภ มีสองวิธีคือ ใช้มือขวาไปจับแก้วมังกรแล้วอธิฐาน อีกวิธีหนึ่งสำหรับคนที่มีความสามารถสักหน่อยใช้มือซ้ายจับแก้วมังกร มือขวาจับหางปลา ซึ่งก็คือปลาที่กระโดดข้ามประตูแล้วกลายเป็นมังกร ในการลูบหรือจับปลาคือขอให้เหลือกินเหลือใช้ จากนั้นแล้วก็ไปไหว้เจ้าตรงข้างๆประตูมังกรมี "ศาลเจ้ากุยซิน" ท่านกุยซินจะอยู่ในลักษณะถือพู่กันแล้วเหยียบหัวเต่ายักษ์ ท่านกุยซินถือเป็นเทพเกี่ยวกับการศึกษา คนที่จะได้เป็นจอหงวนต้องไปผ่านปลายพู่กันของท่านก่อน
ทะเลสาบเตียนฉือ คุนหมิง
ทะเลสาบเตียนฉือ คุนหมิง ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลยูนาน อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,886.5 เมตร แต่ก่อนทะเลสาบแห่งนี้กว้างขวางถึงห้าร้อยลี้ แต่ตอนนี้เหลือกว้างแค่ประมาณสามร้อยกว่าตารางกิโลเมตร ทะเลสาบเตียนฉือนี้ ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยมากจนถูกขนานนามว่า "ไข่มุกทอแสงแห่งที่ราบสูง" ด้วยความงดงามทำให้ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังจนไปเข้าหูพระนางซูสีไทเฮา แห่งราชวงศ์ชิง พระนางก็อยากมาดูทะเลสาบแห่งนี้มาก แต่ไม่สามารถมาถึงได้ เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นแมนจู กลัวว่าหากเดินทางไปยังทะเลสาบจะถูกชนกลุ่มน้อยทำร้าย จึงได้สร้าง ทะเลสาปคุนหมิงขึ้นที่ นครหลวงปักกิ่ง ขึ้นแทน
เที่ยวคุนหมิง ชมทะเลสาบเตียนฉือ 滇池 ” ทะเลสาบเตียนฉือหรือทะเลสาบ คุนหมิงหู ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองคุนหมิง เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ได้รับสมญานามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งที่ราบสูง” ทะเลสาบมีความยาวจากเหนือจรดใต้ 36.5 กิโลเมตร ความกว้างจากทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตก 12.8 กิโลเมตร เนื้อที่รวม 294 ตารางกิโลเมตร มีความลึกตั้งแต่ 4.4-10.2 เมตร รอบ ๆ ทะเลสาบมีทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นภูเขา ทิวต้นหลิ่ว วัด และศาลาเก๋งจีน
อุทยานป่าหินงาม คุนหมิง
เที่ยวคุนหมิง อุทยานป่าหิน “มรดกโลกแห่งมณฑลยูนนาน ประเทศจีน” อุทยานป่าหินงาม คุนหมิง เป็นป่าหินที่ใหญ่ที่สุดของโลก มีอาณาเขตกว้างขวางถึง 40,000 ไร่ ซึ่งสมัยก่อนเป็นเพียงหินปูนที่อยู่ใต้ผืนน้ำ แต่เมื่อเปลือกโลกเกิดการดันตัวสูงขึ้น จึงกลายเป็น ป่าหิน ที่ผุดขึ้นเหนือพื้นดินและการกัดเซาะของสายฝนที่ตกลงมา ทำให้หินมีรูปทรงแตกต่างกันไป
ป่าหินงามคุนหมิง เมืองจีน (Stone forest china) ป่าหินตั้งอยู่บริเวณทางตอนใต้ห่างจากเมืองคุนหมิงราว 90 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางจากคุนหมิงโดยทางรถยนต์ ราวชั่วโมงเศษๆ ป่าหินแห่งนี้จัดว่าเป็นป่าหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกคือมีพื้นที่เฉพาะส่วนที่เยี่ยมชมราว 12 ตารางกิโลเมตร ป่าหินเป็นหินปูนที่แต่เดิมอยู่ใต้ผิวน้ำและเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของผิวโลกหิน จึงถูกดันให้โผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำกลายเป็นภูมิทัศน์ที่งดงามโดดเด่น ป่าหินแห่งนี้ประมาณกันว่า มีอายุราว 270 ล้านปีเลย
ก่อนทางเดินข้าไปป่าหิน จะมีการให้บริการแต่งชุดเผ่าพื้นเมืองอาซือม่าให้บริการไว้สำหรับถ่ายภาพ ทั้งชุดผู้หญิงสีแดงผ้าคลุมและหมวกและการต่างกายของชายก็เช่นเดียวกันจะมีดาบให้ถือด้วย
ถ้ำจิ่วเซียง
เป็นถ้ำมหัศจรรย์ที่สวยงามมาก ถ้ำนี้เกิดจากการกัดเซาะของภูเขาไฟโบราณ จนเกิดเป็นโพรงถ้ำขนาดยาว 3-4 กิโลเมตร ภายในถ้ำมีน้ำตก 2 สาย เรียกกันว่า น้ำตกผัวเมีย เป็นน้ำตกใหญ่และอยู่กลางระหว่างถ้ำเป็นภาพที่สวยงามมาก ถ้ำจิ่วเซียง Jiu Xiang อยู่ห่างจากคุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนาน 90 กิโลเมตรและห่างจากป่าหินงาม 30 กิโลเมตร ทางเข้าประตู มีสิงโตคู่ยืนอยู่หน้าประตู พร้อมกับโคมแดง จะมีแผนที่เส้นทางเดินของจิวเซียงด้วย และมีคำเตือนต่างๆเกี่ยวกับความปลอดภัย ถ้ำจิ่วเซียง เป็นถ้ำหินงอกหินย้อยที่สวยงามตระการตามาก เป็นถ้ำมหัศจรรย์ของจีนที่สวยงามมากและเป็น 1 ใน 10 สถานที่สำคัญทางธรรมชาติของมณฑลยูนาน ถ้ำนี้เกิดจากการกัดเซาะของภูเขาไฟโบราณ จนเกิดเป็นโพรงถ้ำขนาดยาว 3-4 กิโลเมตรช่วงแรกจะเดินผ่านไปทางเส้นทางที่ขนานไปกับภูเขาสูง เข้าชมความงามภายในถ้ำจิ่วเซียง ที่ประกอบด้วยหินงอกหินย้อยที่สวยงามรูปร่างแปลกตาเต็มไปด้วยสีสันสวยงาม ซึ่งประกอบเสมือนเป็นโลกใต้ดินได้อย่างน่าอัศจรรย์ ชมธารน้ำตกถ้ำเล็กๆอยู่ภายใน อาทิ ถ้ำช้างเผือก, ถ้ำค้างคาว, วังเทพธิดา, ถ้ำเทวดา, ถ้ำนา ขั้นบันได ฯลฯ สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดภายในถ้ำนี้ก็คือตอนกลางของถ้ำจะมีลำน้ำทั้งสายลงมาจากหน้าผาตกลงมาเป็นน้ำตก 2 สาย เรียกกันว่า น้ำตกผัวเมีย เป็นน้ำตกใหญ่และตกอยู่กลางระหว่างถ้ำเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก สมกับคำกลอนที่ว่า “บนดินชมป่าหินงาม ใต้ดินชมจิ่วเซียง”
เมืองต้าหลี่ เมืองโบราณน่านเจ้า มณฑลยูนนาน ประเทศจีน
ต้าหลี่ เป็นเมืองเอกของเขตปกครองตนเองชนชาติไป๋ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนานซึ่งเป็นมณฑลชายแดนทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ตั้งอยู่บนที่ราบสูงระหว่างเทือกเขาชางซานทางด้านตะวันตก และทะเลสาบเอ๋อไห่ทางด้านตะวันออก เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวไป๋และชาวอี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ ปัจจุบันนี้ ต้าหลี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งจากในและต่างประเทศ ต้าหลี่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมที่สุดแห่งหนึ่งของมณฑลยูนนาน โดยมีชื่อเสียงมาจากแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และถนนนานาชาติ ซึ่งมีทั้งอาหารแบบตะวันตก ดนตรีสากล และผู้คนที่พูดภาษาอังกฤษ จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างประเทศ ต้าหลี่ เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรน่านเจ้า ซึ่งเป็นอาณาจักรของชาวไป๋ในราวศตวรรษที่ 8-9 ต่อมาได้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรต้าหลี่ในปี พ.ศ. 1480 - 1796 และยังเป็นศูนย์กลางการเคลื่อนไหวของกลุ่มกบฏชาวจีนมุสลิม (จีนฮ่อ)ระหว่างปี พ.ศ. 2399 – 2406 ต้าหลี่ยังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นแหล่งผลิตหินอ่อนหลากหลายชนิด ซึ่งนำไปใช้ในการก่อสร้างและประดับตกแต่งอาคาร เมืองโบราณต้าหลี่ สร้างขึ้นเมื่อกว่า 1,000 ปีก่อน ถึงแม้ได้ผ่านกาลเวลามาช้านาน แต่เมืองโบราณแห่งนี้ก็ยังคงอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวจะเห็นประตูเมืองทั้งด้านใต้และด้านเหนือที่มีสถาปัตยกรรมสอดรับกัน ตามสองฟากของถนนสายเก่าแก่มีบ้านโบราณปลูกสร้างไว้อย่างกระจัดกระจาย มีถนนสายเก่าแก่ที่ตัดผ่านตัวเมืองโบราณสายหนึ่งซึ่งทุกวันนี้ได้กลายเป็นถนนย่านการค้าที่เจริญคึกคัก ตามสองข้างถนนเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ มีพ่อค้าชาวชนชาติไป๋ที่แต่งชุดประจำชนชาติกำลังค้าขายสิ้นค้าพื้นเมืองต่างๆ เช่น หินอ่อนต้าหลี่ ผ้าพื้นเมืองและเครื่องเงิน เป็นต้น ภายในเมืองโบราณแห่งนี้ยังมีถนนเล็กๆสายหนึ่งจากทางทิศตะวันออกไปสู่ทางทิศตะวันตก ตามสองฟากของถนนสายนี้เต็มไปด้วยภัตตาคารอาหารจีนและอาหารตะวันตก ร้านกาแฟและร้านน้ำชาที่ประกอบการโดยชาวต่างชาติ ถนนสายนี้จึงขึ้นชื่อว่า "ถนนสายต่างชาติ" ถนนสายนี้มีกลิ่นอายของทั้งความเก่าแก่และความทันสมัยผสมผสานกันจึงสามารถดึงดูดชาวต่างประเทศจำนวนมากให้หลั่งใหลกันไปท่องเที่ยว ไม่ขาดสาย นับเป็นทัศนียภาพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตน
แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆที่เมืองต้าหลี่ >
ทะเลสาบเอ๋อไห่
“ เที่ยวต้าหลี่ ชมทะเลสาบเอ๋อไห่ 大理洱海 ” ทะเลสาบเอ๋อไห่ อยู่ในเขตเมืองต้าหลี่ในมณฑลยูนาน กินเนื้อที่ 256 ตารางกิโลเมตร มีปริมาตรน้ำถึง 3,000ล้านลูกบาศก์เมตร มีความลึกตั้ง 20-30 เมตร จัดเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับเจ็ดของจีน ทะเลสาบแห่งนี้มีรูปร่างคล้ายรูปใบหูของมนุษย์ เลยได้ชื่อว่าทะเลสาบ เอ๋อไห่ ( เอ๋อออกเสียงตรงกับคำว่าใบหู) ทะเลสาบเอ๋อไห่ ถูกขนาบด้วยภูเขา ชังซาน ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อที่อยู่คู่กับทะเลสาบเอ๋อไห่มาแต่อดีต หากนักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือชมความงามของทะเลสาบ จะสามารถสัมผัสทิวทัศน์อันงดงามของภูเขา ชังซาน ที่อยู่ด้านหลังเช่นกัน
เจดีย์สามองค์ (เจดีย์หมู่ซานถ่า)
ในวัด "ฉงเซิ่ง" เจดีย์นี้ตั้งอยู่ห่างจากเมืองโบราณต้าหลี่ไปทางทิศเหนือประมาณ 1 กิโลเมตร บริเวณด้านหลังของเจดีย์เป็นภูเขาชังซานที่สูงสง่างาม และด้านหน้าเป็นทะเลสาบเอ๋อไห่ที่สวยงามกว้างใหญ่ เจดีย์สามองค์นี้มีสีขาวทั้งหมด เจดีย์องค์หลักมีชื่อว่าเจดีย์ "เชียนหลินถ่า" สูงประมาณ 70 เมตร มี 16 ชั้น ตามบริเวณสองข้างของเจดีย์องค์หลักมีเจดีย์ขนาดเล็กสร้างอยู่เคียงกันด้านละแห่ง เจดีย์สามองค์นี้มีรูปทรงที่สอดรับกลมกลืนกัน
เจดีย์หมู่ซานถ่า หรือเรียกกันว่า เจดีย์สามองค์ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมือง เป็นเจดีย์เก่าแก่อายุมากกว่า 1000 ปี สร้างในสมัยน่านเจ้า / ราชวงศ์ถัง ตามตำนานคนในสมัยก่อนมีความเชื่อว่ามังกรเป็นต้นเหตุให้เมืองต้าหลี่น้ำท่วมเนื่องจากมาเล่นน้ำที่ทะเลสาบเอ๋อไห่ และเชื่อว่ามังกรกลัวพระเจดีย์กับนกอินทรี จึงได้มีการสร้างพระเจดีย์นี้ขึ้นมา นับได้ว่าเจดีย์สามองค์ที่วัดฉงเซิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองต้าหลี่ ล้อมรอบด้วยทิวเขาชางซานที่ปกคลุมด้วยเมฆหมอก ติดทะเลสาบเอ๋อไห่ที่กว้างสุดสายตา เปรียบเจดีย์เสมือนเป็นพู่กัน 3 ด้ามปักอยู่ตรงกลางระหว่างภูสูงและน้ำสวย องค์ประธานเจดีย์ชื่อว่า เซียนสวินถ่า มีความสูง 69 เมตร ทรงสี่เหลี่ยมมี 16 ชั้น แต่ละชั้นมีซุ้มทั้ง 4 ด้าน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป สร้างในราชวงศ์ถัง ยุคอาณาจักรน่านเจ้า (ประมาณปี ค.ศ. 824-839) ส่วนเจดีย์บริวารทั้ง 2 องค์ มีความสูง 43 เมตร เป็นเจดีย์ทรงกลวง 8 เหลี่ยม มี 10 ชั้น ภายนอกตกแต่งเป็นหอสูง มีมุม มีเสา เจดีย์บริวารสร้างในสมัยราชวงศ์ซ่ง อาณาจักรต้าหลี่ หลังเจดีย์องค์ประธานประมาณ 200 ปี
พิพิธภัณฑ์ต้าหลี่ (ต้าหลี่ป๋ออู้กว่าน)
เคยเป็นฐานบัญชาการของตู้เหวินซิ่วผู้นำชาวหุยก่อกบฏต่อต้านราชวงศ์ซิงในปี 1856-1873
วัดจงเหอ (จงเหอซื่อ)
เป็นจุดชมเมืองต้าหลี่กับทะเลสาบเอ๋อไห่อีกมุมหนึ่ง ทางขึ้นจะชันมาก ส่วนใหญ่จะนั่งกระเช้าไฟฟ้า และที่วัดจงเหอมีเส้นทางเดินเท้าชมธรรมชาติ 11 กิโลเมตร
วัดกานทง (กานทงซื่อ)
เป็นวัดสมัยน่านเจ้า เคยมีโบสถ์วิหารอยู่มากถึง 36 หลัง ปัจจุบันเหลือเพียงหลังเดียว ในละแวกนั้นจะมีศาลเจ้าแม่กวนอิมตั้งอยู่กลางลานกว้างติดถนนใหญ่
เซี่ยกวาน (เมืองต้าหลี่)
มีพิพิธภัณฑ์เขตปกครองตนเองของชนเผ่าไป๋แห่งต้าหลี่ แถวๆท่าเรือเอ๋อไห่ สร้างในปี 1986 มีพื้นที่ประมาณ 3 เฮกตาร์ เป็นพิพิธภัณฑ์แบบสวน จุดเด่นอยู่ที่ตัวอย่างงานสถาปัตยกรรมในท้องถิ่น เครื่องสำริด โบราณวัตถุสมัยน่านเจ้า เป็นต้น
เขาจีจู๋ (จีจู๋ซาน/เขาตีไก่)
สูงถึง 3,248 เมตร จากระดับน้ำทะเล อยู่ทางตอนเหนือของเมืองปินฉวน เป็นเขาศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนา สมัยที่รุ่งเรืองมีวัดเยอะมากที่สุดในสมัยน่านเจ้า
โตรงธารนู่เจียง (นู่เจียงเสียกู่)
เยื้องจากต้าหลี่ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ใกล้เขตแดนพม่า ยาว 320 กิโลเมตร ได้รับการยกย่องจากสหประชาชาติให้เป็น “แหล่งชีววิทยาที่หลากหลายที่สุดของจีน” แม่น้ำนู่เจียงเป็นแม่น้ำทางด้านตะวันตกสุดของ “แม่น้ำสามสาย” (อีกสองสายคือหลานชางกับจินซา) ที่ทอดขนานกันเกิดเป็นหุบเขาลึก ขนาบด้วยสันเขา ต้นกำเนิดแม่น้ำอยู่ในทิเบต
ถนนพม่า
อดีตมีอยู่หลายสาย จากคุนหมิงผ่านลุ่ยลี่ไปพรมแดนพม่ายาว 832 กิโลเมตร เป็นเส้นทางสายไหมของตะวันตกเฉียงใต้ เป็นเส้นทางการขนส่งสินค้าจากซื่อชวนไปอินเดียกับอัฟกานิสถานเมื่อ 400 ปีก่อนคริสตกาล ถนนสมัยใหม่รัฐบาลกั๋วหมินตั่งใช้แรงงาน 200,000 คน ตัดถนนจากคุนหมิงถึงพรมแดนพม่าเป็นเส้นทางลำเลียงเสบียงในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 2 (ปี 1931-1945) อังกฤษเองก็ตัดถนนในพม่าถึงลาเชี่ยวเพื่อเชื่อมเส้นทางเข้าด้วยกัน
เป่าซาน
เลยเซี่ยวกวานมาทางตะวันตก 120 กิโลเมตร นั่งรถ 5 ชั่วโมง เป็นเมืองสุดท้ายของเส้นทางสายไหมสายใต้ของจีนมานานถึง 2,000 ปี แต่ก่อนชื่อ “หย่งชาง” มีแม่น้ำหลานชางทอดขวางก่อนถึงตัวเมือง 60 กิโลเมตร บนเขามีเจดีย์และศาลเจ้าที่สร้างบูชาจูเก๋อเหลียง (ขงเบ้ง) ผู้มากปัญญาในสามก๊ก เมื่อออกนอกเมืองมาทางใต้ 3 กิโลเมตร จะมี “สุสานวีรบุรุษของชาติ (กว๋อซางมู่หยวน)” สร้างเพื่อรำลึกถึงทหานกั๋วหมินตั่งที่ล้มตายในการต่อสู้ชิงเถิงช่งกลับคืนมาจากญี่ปุ่น
เถิงช่ง
อยู่บนความสูง 1,600 เมตร จากระดับน้ำทะเล จากเป่าซานประมาณ 6 ชั่วโมง
เตี๋ยสุ่ยเหอ
น้ำตกขนาด 30 เมตร ของแม่น้ำต้าอิ๋ง นอกจากนี้ยังมีภูเขาไฟถึง 97 ลูกที่บางลูกยังคุกรุ่นอยู่ น้ำพุร้อนธรรมชาติกว่า 80 บ่อ
เร่อไห่
บ่อน้ำพุร้อนที่มีสองบ่อสำหรับแช่ และอีกบ่อสำหรับต้มไข่ มีอุณหภูมิสูงกว่า 90 องศาเซลเซียส
สวนภูเขาไฟ (หั่วซานกงหยวน)
มีจุดเด่นที่ “เขาต้าคง" ทางขึ้นเป็นบันไดตามแนวไหล่เขา ส่วนใหญ่เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว และยังสามารถเดินไป “เขาเสี่ยวคงและเขาเฮยคง” ได้อีกด้วย
หมู่บ้านเหอซุ่นเซียง
เป็นหนึ่งในสิบหมู่บ้านที่มีสวยงามที่สุดของเมืองจีน ห่างจากเถิงช่ง 6 กิโลเมตร ถนนปูด้วยก้อนกรวด สองข้างทางมีบ้านโบราณ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพจีนใช้ที่นี่เป็นค่ายทหาร ตึกบัญชาการใหญ่ได้ถูกดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเรื่องราวการต่อสู้ขับไล่ญี่ปุ่นออกจากยุนนานเป็นผลสำเร็จในปี ค.ศ. 1944 โดยได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังเป็นบ้านเกิดของ “อ้ายซื่อผี” นักปรัชญาที่มีชื่อของจีน เป็นติวเตอร์ให้กับเหมาเจ๋อตุง บ้านของเขาก็ดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ด้วย
หมางซื่อ
อยู่ทางทิศตะวันตกของคุนหมิง 500 กิโลเมตร นั่งรถจากเถิงช่ง 3 ชั่วโมง เป็นเมืองเอกของเขตปกครองตนเองของเผ่าเต๋อหงไต และจิ้งผอ มีชาวฮั่นและเผ่าไตหรือจิ้งผอ(ชาวคะฉิ่นในพม่า) ส่วนใหญ่จะเรียกหลูซี แต่ชื่อสนามบินเรียก หมางซื่อ ที่นี่มีสองเมืองเช่นเดียวกับต้าหลี่ แต่ว่า เมืองเก่าและเมืองใหม่จะอยู่ติดกันไม่แยกจากกันเหมือนต้าหลี่
รุ่ยลี่
จากเถิงช่ง 6 ชั่วโมง จากหมางซื่อแค่เพียง 2 ชั่วโมง มีความสวยงามด้านสถาปัตยกรรมยุคใหม่ที่กรุกระจกสีฟ้า มียอดแหลม และงานจำหลักลวดลายแบบนูนต่ำประดับบ้านไม้ไผ่มุงหลังคาด้วยสังกะสีตามย่านตลาดสด
ตลาดค้าหยก (จูเป่าเจีย)
เป็นตลาดค้าหยกที่คึกคักที่สุดในโลก ในเมืองมีจักรยานให้ปั่น ถนนสายตะวันออกของลุ่ยลี่ตัดตรงไป “หว่านติง” หมู่บ้านชายแดนที่เคยเป็นเส้นทางลำเลียงเสบียงจากพม่ามาให้อังกฤษในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนในปลายทศวรรษ 1930 เป็นที่ตั้งของ “เจี่ยเล่อจินถ่า หรือเจดีย์ทอง” ที่เก่าแก่กว่า 200 ปี สูง 40 เมตร ออกนอกเมืองมา 5 กิโลเมตร ไป “ห่านซ่าจ่วงซื่อ” เป็นอารามไม้ย่อส่วน ประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่องค์หนึ่ง อีก 7 กิโลเมตร พบเจดีย์สีขาวตั้งอยู่บนไหล่เขา มองเห็นเขต”เล่ยจวงเซียง”ได้หมด เจดีย์”หนงอันจินยาถ่า หรือเจดีย์เป็ดทอง” ตั้งอยู่ระหว่างเมืองลุ่ยลี่กับด่านพรมแดน เป็นเจดีย์ทรงไทยและประดิษฐานพระพุทธรูปทอง
โรงถ่ายภาพยนต์ 8 เทพอสูรย์มังกรฟ้า เมืองต้าหลี่
โรงถ่ายภาพยนตร์8 เทพอสูรมังกรฟ้าจากบทประพันธ์อันลือลั่นของ กิมย้งโดยใช้สถานที่ถ่ายทำยังเมืองต้าหลี่ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งของต้าลี่ที่มีชื่อเสียงไม่แพ้ที่ ที่โรงถ่ายแห่งนี้ท่านสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทะเลสาบเอ๋อไห่ หนึ่งในทะเลสาบน้ำจืดที่โด่งดังบนที่ราบสูงมณฑลยูนนาน เนื่องด้วยทะเลสาบแห่งนี้มีลักษณะคล้ายหู ประกอบกับที่ชาวเขาไม่เคยเห็นทะเลจึงเรียกผืนน้ำอันกว้างใหญ่ว่าไห่ ซึ่งแปลว่าทะเล และขนานนามว่า “เอ๋อไห๋” และ นำท่านเดินทางสู่ เมืองลี่เจียงซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องความสวยงามของเมืองโบราณ
ทะเลสาบเอ๋อไห่
ซึ่งอยู่ด้านหน้าของเจดีย์สามองค์นั้นเป็นทะเลสาบน้ำจืดบนที่ราบสูง จึงได้สมญานามว่า "ไข่มุกบนที่ราบสูง" น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ใสสะอาดจนสามารถมองเห็นถึงทัศนียภาพใต้น้ำ และมักจะมีหมอกควันลอยขึ้นเหนือทะเลสาบอันกว้างใหญ่นี้ ทำให้ทิวทัศน์ตามบริเวณทะเลสาบสวยงามยิ่งนัก
แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆที่เมืองแชงกรีล่า >
แชงกรีล่า
แชงกรีล่า หรือ เดิมมีชื่อว่า เมืองจงเตี้ยน อยู่ห่างจากลี่เจียง 200 กิโลเมตร เป็นชุมชนเก่าของชาวทิเบต ชาวบ้านเรียกเกลทัง แต่การท่องเที่ยวของจีนอุปโลกให้แชงกรีล่าเป็น “สวรรค์แห่งสุดท้ายบนพื้นพิภพ” ตามนวนิยายขายดีในปี 1933 “The Lost Horizon”
ย่านเมืองเก่าอยู่ตอนใต้สุดของตัวเมือง รายล้อมไปด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านของที่ระลึกและเกสต์เฮาส์ ถนนดินกลายเป็นถนนปูด้วยหินกรวด ตอนเย็นจะมีการแสดงพื้นบ้านของชาวทิเบตที่จัตุรัสใหญ่ ด้านหลังเมืองเก่าจะมองเห็น กงล้อมนต์สีทอง สูง 23 เมตร ผู้คนนิยมไปหมุนวนเพื่อให้บทสวดนั้นกังวานไปถึงสรวงสวรรค์
หมู่บ้าน ซงจ้านหลิน
อยู่ห่างมาทางเหนือ 5 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของวัด วัดซงจ้านหลินซื่อ หรือวัดกุยหยวน สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 17 ก่อนถูกทำลายในทศวรรษที่ 1950 และสร้างใหม่ ในสมัยองค์ดาไลลามะที่ 5 ในปี ค.ศ. 1679 ใช้เวลาสร้าง 3 ปี ตั้งชื่อตามพระนามขององค์ดาไลลามะว่า “เกอตันซงจ้านหลิน” สถาปัตยกรรมหอกลางมีลักษณะคล้ายพระราชวังโปตะลาที่กรุงลาซา มีพระลามะอยู่หลายร้อยรูป โดยเฉพาะในเทศกาล วัดแบบทิเบตใหญ่ที่สุดในยูนนาน วิหารใหญ่สูงสี่ชั้น ชั้นล่างมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเล่าถึงตำนานของทิเบตและแสดงภาพแผนภูมิจักรวาล ในหมู่บ้านมีหลายหลังดัดแปลงให้เป็นโรงแรมที่พัก มีตำนานเล่าว่า บนยอดเนินเขามีตาน้ำพุผุดขึ้นตามธรรมชาติ ฤดูหนาวจะมีนกเป็ดน้ำขนสีเหลืองทองคู่หนึ่งบินมาอาศัย ห้องโถงภายในมีต้นเสาไม้ขนาดใหญ่ 108 ต้น รองรับพระทำพิธีสวดมนต์ได้มากกว่า 1,600 รูป บนผนังใช้เก็บคัมภีร์ มีภาพองค์ปันเชนลามะที่ 11 ที่เคยมาปฏิบัติธรรม พระประธานทำด้วยทองเหลืองด้านหน้ามีดวงไฟประทีปในถ้วยเล็กๆ ภายในบรรจุเนยจากไขมันวัว หรือ “ซูโหยว” ไว้ ชาวทิเบตเชื่อว่าแสงสว่าจากซูโหยวนี้จะช่วยส่องแสงสว่างให้กับผู้ล่วงลับไปแล้วได้ขึ้นสรวงสวรรค์ ด้านข้างมีรูปเคารพของหญิงเหวินเฉิง พระธิดาของจักรพรรดิถังไท่จง อภิเษกกับกษัตริย์ชงเชน กัมโปแห่งทูฟาน หรือทิเบตที่นครลาซาเมื่อ 1,300 ปีก่อน อีกด้านเป็นเจดีย์สีทอง ภายในบรรจุอัฐิอดีตเจ้าอาวาส นามว่า”พระเคอซื่อ” ผู้เป็นศูนย์รวมทางศาสนา และการพัฒนาท้องถิ่น ห้องด้านหลังจะมีพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ 3 องค์ องค์ซ้าย “พระจงคาปา” ผู้นำนิกายหมวกเหลือง องค์กลาง “พระหมีเล่อ” พระยิ้มเชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้าจุติมาเกิด และองค์ขวา “องค์ดาไลลามะที่ 7 ที่เคยมาศึกษาพระธรรมที่นี่ ผนังรอบด้านประดับด้วยทังคา หรือภาพเขียนสีบนผืนผ้าใบ เป็นรูปโพธิสัตว์ในปางต่างๆ
ซงจ้านหลินซื่อ หรือ วัดกุ้ยหัว วัดลามะที่มีอายุเก่าแก่กว่า 300 ปี มีพระลามะจำพรรษาอยู่มากกว่า 700 รูป สร้างขึ้นโดยทะไลลามะองค์ที่ 5 ในปี พ.ศ. 2222 ใช้เวลาก่อสร้าง 18 ปี จึงแล้วเสร็จ โดยจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิง มีรูปแบบคล้ายพระราชวังโปตาลา ณ. เมืองหลวงลาซาแห่งทิเบต แต่ขนาดมีการย่อส่วนลงมา หากกล่าวว่าโปตาลาเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวทิเบต วัดซงจ้านหลินซื่อ ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางแห่งพุทธศาสนิกชนในบริเวณที่ราบสูงทิเบตนั่นเอง
ศูนย์อนุรักษ์ธรรมชาตินาพาไห่
เป็นบึงที่มีน้ำสลับกับแล้งตามฤดูกาล น้ำมากในช่วงมรสุม เป็นจุดดูนกที่สำคัญ เป็นแหล่งอพยพของนกกระเรียนคอดำที่หาดูได้ยาก ภายในศูนย์ฯยังมีม้าให้เช่าขี่ชมดอกไม้ป่าและฝูงจามรี
แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆที่เมืองลี่เจียง >
โค้งแรกแม่น้ำแยงซีเกียง (Changjiangdiyiwan)
อยู่ห่างจากเมืองลี่เจียง 53 กิโลเมตร ระหว่างทางลี่เจียง-จงเตี้ยน แม่น้ำแยงซี (หรือที่คนจีนเรียกว่า แม่น้ำฉางเจียง) ที่ไหลลงมาจากที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต มากระทบกับภูเขาไห่หลอ ทำให้ทิศทางของแม่น้ำหักโค้งไปทางทิตะวันออกเฉียงเหนือ จนเกิดเป็นโค้งน้ำที่สวยงาม แม่น้ำแยงซีที่ไหลผ่านเมืองลี่เจียงช่วงนี้มีชื่อว่า จินซา หรือเรียกเต็มๆว่า จินซาเจียง แปลว่าแม่น้ำทรายทอง จุดนี้เองที่แม่น้ำได้หักโค้งข้อศอกเป็นโค้งแรก ทำให้ไหลแยกจากแม่น้ำสาละวินและแม่น้ำโขง ไปทางทิศตะวันออก ก่อให้เกิดอารยธรรมจีนที่ยิ่งใหญ่เมื่อหลายพันปีมาแล้ว กล่าวกันว่าถ้าไม่มีโค้งนี้ก็อาจไม่มีอารยธรรมจีนอันเกรียงไกร อีกทั้งจุดนี้ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ขบวนทัพของขงเบ้ง และกองทัพกุบไลข่าน ใช้เป็นจุดข้ามแม่น้ำแยงซีไปทำศึก และเหมาเจ๋อตงเดินทัพทางไกล หนีการล้อมปราบของพวกก๊กมินตั๋ง
ช่องแคบเสือกระโจน (Hutiaoxia)
ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างทางแยกของเมืองลี่เจียงและเมืองจงเตี้ยน เป็นหุบเขาในช่วงที่แม่น้ำแยงซีไหลลงมาจากจินซาเจียง (แม่น้ำทรายทอง) น้ำบริเวณนี้ไหลเชี่ยวมาก ช่วงที่แคบที่สุดมีความกว้างเพียง 30 เมตร ตามตำนานเล่าว่า ในอดีตช่องแคบนี้มีเสือกระโดดข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้ เนื่องจากกลางแม่น้ำบริเวณนี้มีหินที่เรียกว่า “หินเสือกระโดด” ซึ่งก้อนหินมีความสูงกว่า 13 เมตร จึงเป็นที่มาของชื่อ “ช่องแคบเสือกระโจน” ช่องเขาเสือกระโจนเป็นหนึ่งในหุบเขาเหนือแม่น้ำที่ลึกที่สุดในโลก ผู้อยู่อาศัยในบริเวณนี้มีจำนวนเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นชนพื้นเมืองชาวหน่าซี โดยจะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆบริเวณใกล้เคียง และหาเลี้ยงชีพโดยการเพาะปลูกและรับจ้างนำทางคนต่างถิ่น
สระน้ำมังกรดำ (Heillongtan, Black Dragon Pool)
หรือที่รู้จักกันว่า สวนยู้วฉวน (Yuquan) ตั้งอยู่ในตัวเมืองลี่เจียง ห่างจากตัวเมืองเก่าลี่เจียงไปทางทิศเหนือประมาณ 1 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 11,390 ตารางเมตร สระน้ำมังกรดำมีจุดเด่นที่ความใสของน้ำที่ใสราวกับมรกต นอกจากนี้ ภายในสวนยังมีการสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่ผสมผสานวัฒนธรรมของชาวฮั่น ทิเบต และน่าซี ไว้ด้วยกัน
โชว์จางอี้โหมว เมืองลี่เจียง (Zhang yimou show โชว์ จางอี้โหม่ว)
การแสดงชุดนี้มีชื่อว่า IMPRESSION LIJIANG เป็นอีกหนึ่งผลงานโบร์แดงของผู้กำกับมือทอง จางอี้โหมว ซึ่งเป็นผลงานชิ้นที่สองต่อจากผลงานชิ้นแรก IMPRESSION LIU SAN JIE ที่เมืองหยางซั่วประสบความสำเร็จ เวทีการแสดงถูกสร้างขึ้นบริเวณใกล้กับภูเขาหิมะมังกรหยกเหนือระดับน้ำทะเล 3,100 เมตร โดยใช้วิวจริงของภูเขาหิมะมังกรหยกเป็นฉากหลังประกอบการแสดง การแสดงในภาคนี้จะเป็นการสะท้อนเรื่องราวที่เกี่ยวโยงกับภูเขาหิมะมังกรหยกอัศักดิ์สิทธิ และประเพณีของชนกลุ่มน้อยของเมืองลี่เจียง ใช้ทีมนักแสดงชนกลุ่มน้อยพื้นเมืองกว่า 500 คน เป็นการแสดงในสถานที่จริงที่ยิ่งใหญ่ท่ามกลางภูเขาหิมะ การแสดงชุดนี้ใช้ทุนสร้างกว่า 250 ล้านหยวน หรือประมาณ1,250 บาท เป็นชุดการแสดงในสถานที่จริงสุดอลังการอีกชุดหนึ่งที่ผู้ไปเยือนเมืองลี่เจียงไม่ควรพลาด
ทะเลสาบหลูกูหู
หลูกูหู หรือ ทะเลสาบหลูกู (หู ภาษาจีนแปลว่าทะเลสาบ ดังนั้นจะเรียกว่าทะเลสาบหลูกูก็ได้ หรือจะเรียกทะเลสาบหลูกูหู ก็ไม่ผิดครับ)
หลูกูหู หรือ ทะเลสาบหลูกู เป็นทะเลสาบน้ำจืดกว้างใหญ่ที่อยู่บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 2,680 เมตร ผิวน้ำมีพื้นที่ 52 ตารางกิโลเมตร ล้อมรอบด้วยภูเขาและมีทัศนียภาพงดงาม ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเทือกเขาสูง อยู่บนรอยต่อระหว่างมณฑลเสฉวนกับมณฑลยูนนาน บนที่ราบสูงยูนนาน - กุ้ยโจวในประเทศจีน ห่างจากลี่เจียงประมาณ 270 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง) เนื่องจากทะเลสาบหลูกูหูไม่มีมลภาวะ น้ำจึงบริสุทธิ์ใสสะอาด มีเกาะในทะเลสาบทั้งหมด 8 แห่ง มีอ่าวและชายหาดตลอดแนว ทะเลสาบหลูกูหูเสมือนหนึ่งอัญมณีที่ประดับในอ้อมอกของภูเขาได้รับฉายาว่า "พื้นที่บริสุทธิ์ในทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนาน" บริเวณรอบข้างทะเลสาบหลูกูหู มีป่าดิบที่หนาทึบ ยามอากาศดี ท้องฟ้าสีครามและเมฆสีขาว ที่สะท้อนกับท้องน้ำท่ามกลางอากาศเย็นสบายสดชื่นและวิถีชาวบ้านที่เรียบง่าย ซึ่งยังมีนักท่องเที่ยวน้อยคนนักที่ได้มาสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ กิจกรรมท่องเที่ยวทะเลสาบหลูกูหู
- ล่องเรือทะเลสาบหลูกูหู ชมความงามของทะเลสาบหลูกูหู
- นั่งรถชมวิวทิวทัศน์รอบทะเลสาบหลูกูหู
- นั่งกระเช้าขึ้นเขาเก๋อมู่ ชมวิวทะเลสาบหลูกูหู
- เที่ยวชมหมู่บ้านชนเผ่าโมซัว รอบๆทะเลสาบหลูกูหู
ชนเผ่าโมซัว
เผ่าโมซัว ชนเผ่าดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ริมทะเลสาบหลูกูหู ชาวโมโซยังรักษาธรรมเนียมดั้งเดิมของครอบครัว โดยที่ผู้หญิงเป็นใหญ่ในบ้านจนกระทั่งทุกวันนี้ ผู้หญิงที่อายุมากที่สุดจะเป็นผู้ปกครองในครอบครัว ชาวโมซัว ชาย-หญิง จะไม่แต่งงานกัน แต่อยู่ด้วยกันเป็นครั้งคราว โดยฝ่ายผู้ชายจะไปหาผู้หญิงในยามค่ำคืน ชาวโมซัวเมื่อมีอายุถึง 13 ปี จะมีการจัดพิธีฉลองการบรรลุนิติภาวะเป็นสัญลักษณ์แสดงว่าเด็กได้โตเป็นหนุ่ม-สาวแล้ว จากนั้นก็จะมีห้องนอนของตัวเองและสามารถหาคู่รักได้อย่างเสรี หากชายหญิงรักกัน ฝ่ายชายก็จะมอบเครื่องประดับทั้งทอง เงินหรือหยก ลูกประคำและแถบผ้าไหมให้ฝ่ายหญิงตามกำลังทรัพย์ของตน ส่วนหญิงสาวก็จะนำเครื่องประดับที่ตนเองชอบให้ฝ่ายชาย นับเป็นสิ่งยืนยันความสัมพันธ์ที่เป็นเพื่อนสนิทพิเศษที่เรียกว่า "อาเซี่ย” ผู้ชายจะช่วยทำงานที่บ้านตนเองในกลางวันและไปค้างคืนที่บ้านผู้หญิงในกลางคืน เช้ารุ่งขึ้นก็กลับบ้าน ความสัมพันธ์ของ "อาเซี่ย" จะยั่งยืนแค่ไหนขึ้นอยู่กับความรักของสองฝ่าย นั่นหมายถึงเป็นคู่รักกันตลอดชีวิต หรืออาจคบกันเพียงไม่กี่วันก็ได้ หากสองฝ่ายไม่รักกันอีกแล้ว ก็จะยกเลิกความสัมพันธ์ "อาเซี่ย" กันอย่างอัตโนมัติ เนื่องจากชายกับหญิงไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน จึงไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง พวกเขาให้เกียรติซึ่งกันและกัน เมื่อผู้หญิงคลอดบุตรแล้ว แม่หรือพี่สาวน้องสาวของฝ่ายชายก็จะนำสิ่งของจำนวนมากไปเยี่ยม แม้ฝ่ายชายไม่ต้องดูแลลูก แต่เมื่อรู้ว่า เด็กคนไหนเป็นลูกของตนเองก็ต้องไปเยี่ยมและช่วยดูแลเป็นประจำ ส่วนลูกก็จะไหว้คุณพ่อในยามจัดพิธีเป็นชายหนุ่มหรือหญิงสาวเต็มตัวและต้องไปกล่าวอวยพรปีใหม่ที่บ้านพ่อ
แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆที่เมืองแชงกรีล่า >
เต๋อชิง
จากจงเตี้ยนไปมีความยาว 190 กิโลเมตร ความสูงไต่ระดับ 4,000 เมตร มีโค้งหักศอกและทางลาดเขาที่ชัน ในฤดูหนาวจะปิดทางเนื่องจากหิมะตกหนัก ส่วนในทิเบต เรียกแขวงนี้ว่า “เจี้ยนถัง” เป็นชื่อหนึ่งในสามกษัตริย์ทิเบตในยุคโบราณส่วนเจ้าชายอีกสองคนชื่อ “เจ้าชายปาถังและหลี่ถัง” เต๋อชินมีพื้นที่ ประมาณ 23,800 ตารางกิโลเมตร มี 3 อำเภอ คือ จงเตี้ยน เต๋อชิน และเหวยซี ยอดเขาที่สูงที่สุดในเต๋อชินและยูนนาน คือ “ยอดเขาคาเกอโปของเทือกเขาหิมะเหมยลี่ สูง 6,740 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นเทือกเขาหิมะศักดิ์สิทธิ์ ของชาวทิเบต นอกจากนี้ยังได้รับสมญานามว่า “ซันเจียงปิ้งหลิว” หรือ “ดินแดนแห่ง 3 สายธาร” สายน้ำหลักคือ จินซาเจียง หลันชางเจียงและ นู่เจียง พิพิธภัณฑ์เต๋อชิง จัดการแสดงไว้ หลายส่วนด้วยกัน ดังนี้
แสดงการขุดค้นของยุคก่อนประวัติศาสตร์ คือ จัดแสดงซากฟอสซิลกวางที่กลายเป็นหินอายุล้านกว่าปี มีโลงศพหิน ภายในมีเครื่องปั้นดินเผา อายุราว 2,500 ปี นอกจากนี้ยังมีลูกปัดทองเหลืองและอาวุธหินสมัยโบราณ แสดงสมบัติล้ำค่าจากวัดซงจ้านหลินซื่อ เช่น ทังคา ภาพวาดบนผืนผ้าใบ ภาพพระโพธิสัตว์ปางต่างๆ หน้ากากโบราณที่ใช้ในงานพิธีระบำหน้ากาก กระถางจุดกำยานทองคำ เงิน และทองเหลือง รวมถึงเครื่องดนตรีที่ใช้งานพิธีกรรมทางศาสนา แสดงแบบแผนบ้านเรือนของชาวทิเบตและน่าซี รวมถึงประเพณี แสดงธรรมชาติวิทยา รวบรวมสถิติตัวเลข เช่น พันธุ์พืชมากกว่า 4,500 ชนิด สัตว์ 99 ชนิด นก 180 ชนิด พืชสมุนไพร 867 ชนิด สัตว์ท้องถิ่นที่สำคัญ นกกระเรียนคอดำ,ลิงขนทอง,นกอินทรี,นกเป็ดน้ำขนสีทอง นอกจากนี้ยังมีการแสดงสถานที่ธรรมชาติเขตเทือกเขาอาป้าปิทาไห่และทะเลสาบนาพาไห่ แสดงผลงานหัตถกรรมพื้นบ้านของทิเบตและน่าซี เช่น เครื่องเงิน เครื่องไม้ ผ้าทอขนสัตว์ งานแกะสลักไม้ เครื่องทองเหลือง
เมืองโบราณจงเตี้ยน : อยู่ในเมืองแชงกรีล่าส่วนใหญ่บ้านเืรือจะเป็นบ้านไม้ในสไตล์ทิเบต ปัจจุบันดัดแปลงเป็นร้านขายสินค้าที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว
วัดลามะซงจ้านหลิน แชงกรีล่า
วัดที่สำคัญของเมืองแชงกรีล่า วัดนี้สร้างในสมัยลาไลลามะองค์ที่ 5 ตรงกับสมัยจักรพรรดิ์คังซีฮ้องเต้ของจีน รูปแบบการสร้างได้จำลองแบบจากพระราชวังโปตาลา (Potala) ในกรุงลาซา (Lhasa) ธิเบต อายุเก่าแก่กว่า 300 ปี
วัดลามะซงจ้านหลิน (Songzanlin) เป็นวัดใหญ่ที่สำคัญของเมืองแชงกรีล่า อยู่ห่างจากตัวเมืองจงเตี้ยนไปทางเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร วัดนี้สร้างในสมัยทะไลลามะองค์ที่ 5 ในช่วงศตวรรษที่ 18 สมัยจักรพรรดิ์คังซี แห่งราชวงศ์ชิง สร้างจำลองแบบจากพระราชวังโปตาลา (Potala) ในกรุงลาซา (Lhasa) มาไว้ เป็นวัดนิกายลามะแบบธิเบตที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนนาน อายุเก่าแก่กว่า 300 ปี และในยามเทศกาล ชาวทิเบตที่นี่ยังคงรักษาประเพณีที่จะจัดขึ้นตามวัดสำคัญๆ เหล่านี้ ด้วยการเต้นระบำหน้ากากและเป่าแตรงอน
จงเตี้ยน (แชงกรีล่า)
ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนาน เขตปกครองพิเศษของชาวธิเบตตี๋ชิ้ง บนที่ราบในวงล้อมของขุนเขา ลักษณะภูมิประเทศของจงเตี้ยน เป็นที่ราบทุ่งหญ้า มีภูเขาล้อมรอบ คำว่า"จง" นั้นหมายถึงศูนย์กลาง หรือสิ่งที่กว้างใหญ่อันเป็นศูนย์กลาง ส่วน"เตี้ยน" นอกจากจะแปลว่าทุ่งหญ้าแล้ว ยังอาจแปลว่า อาณาจักร ได้ด้วย ในปีพ.ศ. 2545 รัฐบาลจีนได้เปลี่ยนชื่อเมืองจงเตี้ยน (อีกครั้ง จากเดิมที่มีชื่อในภาษาธิเบตว่า เจี้ยนถัง) เป็น"แชงกริ-ล่า" ภาษาจีนออกเสียงว่า "เซียงเกอ หลี ลา xiang Ge Le La แปลว่า ที่ซึ่งสุริยันจันทราประทับในดวงจิต เมืองจงเตี้ยน เป็นถิ่นฐานของชาวทิเบต ซึ่งตามชานเมืองยังคงรักษาเอกลักษณ์ของบ้านที่ก่อดินขึ้นเป็นตึกสี่เหลี่ยม แต่งด้วยไม้ซุงขนาดใหญ่ ผู้คนยังแต่งกายพื้นเมือง แชงกรีล่า การเดินทางไปสู่แชงกรีล่านั้นต้องเดินทางไต่ไหล่เขาไปเรื่อยๆ ใช้เวลานานพอสมควร ไม่ต่างอะไรกับดินแดนในฝัน โดยชื่อแชงกรีลานั้นมาจากภาษาธิเบต หมายถึง หนทางนำไปสู่ดวงตะวันและดวงจันทร์โดยดวงจิต และแปลอีกความหมายหนึ่งว่า ดินแดนอีกด้านหนึ่งของโลกหรือแดนสวรรค์บนโลก
หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน แชงกรีล่า
เขตอนุรักษ์ธรรมชาติย่าดิง (Yading) หรือที่เรียกขานกันว่า “หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน” จากจงเตี้ยน ต้องผ่านเส้นทางเซียงเฉิง-ต่าวเฉิง ห่างจากเมืองต่าวเฉิงประมาณ 100 กิโลเมตร สูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 3,960 เมตร มหัศจรรย์ใจกับการชมผืนป่าที่มีใบไม้เปลี่ยนสี ผืนหญ้าเต็มไปด้วยดอกไม้ป่าสดสวย ลำธารใสไหลเย็น และภูเขาหิมะขาวโพลน ธารน้ำแข็งบนโตรกผาแม่น้ำแยงซีที่สูงที่สุดในโลก โดยกระนั่งกระเช้าไฟฟ้าเดินนทางเพื่อชื่นชมทัศนียภาพอันสวยงาม