ข้อมูลเที่ยวจีน : กุ้ยหลิน
ลักษณะทางภูมิประเทศ
ลักษณะทางภูมิประเทศกุ้ยหลิน ลักษณะพื้นที่เป็นที่ราบแอ่งกระทะและเทือกเขาขนาดเล็กที่ยาวคดเคี้ยวติดต่อกัน เทือกเขาสำคัญ ได้แก่ ภูเขาต้าหมิงซันและต้าเหยาซัน นอกจากนี้ยังเป็นเขตหินปูนขาวที่ครอบคลุมพื้นที่ ด้วยเหตุนี้เองจึงมีถ้ำหินปูนอยู่มากมาย
สภาพอากาศ
เป็นแบบเขตร้อน อุณหภูมิเฉลี่ย 16-23 องศาเซลเซียส มีฝนตกชุก ฤดูร้อนยาวนานกว่าฤดูหนาว อุณหภูมิสูงสุดในเดือนกรกฎาคม ประมาณ 27-29 องศาเซลเซียส และต่ำสุดในเดือนมกราคมประมาณ 5.5-15.2 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,000-2,800 มิลลิเมตรต่อปี
กุ้ยหลิน มาจากชื่อของต้นไม้ ในอดีตดินแดนแห่งนี้มีป่า (หลิน) ต้น “กุ้ยฮวา” เยอะ (ต้นกุ้ยฮวา ในภาษาจีน แปลเป็นไทยคือ ต้นขี้เหล็ก) คนกุ้ยหลินได้นำดอกของต้นกุ้ยฮวยมาตากแห้งอบพร้อมใบชา กลายเป็น “ชากุ้ยหลิน” กุ้ยหลิน เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า “สวรรค์บนพิภพ หรือ ซื่อไหว้เถาหยวน” ที่มีชื่อเสียงด้านความ สวยงามของทิวทัศน์และวัฒนธรรมเมืองหนึ่งของประเทศจีน เป็นเมืองที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี เหมาะสมสำหรับการพักผ่อน การท่องเที่ยวและการอยู่อาศัยสำหรับคนทุกเพศทุกวัย นอกจากนั้น เมืองกุ้ยหลินยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูง ชาวเมืองกุ้ยหลินเป็นมิตรและยินดีต้อนรับ แขกที่มาเยือนด้วยมิตรภาพที่ดี อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีอยู่ที่ 16.5 – 20.5 องศาเซลเซียส กุ้ยหลิน มีเป็นเมืองที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม ทั้งภูเขา สายน้ำ (แม่น้ำหลี) บ้านเมือง ความเป็นอยู่ของผู้คน มีคำกล่าวว่าจิตรกรในที่ยังไม่เคยมาเมืองกุ้ยหลิน จะไม่สามารถวาดรูปขุนเขาให้สวยงามได้เลย ขุนเขาที่เมืองกุ้ยหลินหากมองและใช้จินตนาการในการมองจะเห็นเป็นรูปต่าง ๆ นา ๆ เช่น เขารูปอูฐ เขารูปแอปเปิ้ล เขารูปเจ้าแม่กวนอิม เขามีรู เขารูปกวนอู เขาหญิงสาวยืนเฝ้าคอยสามี เขาหน้าผาลายม้า 9 ตัว และ เขาใหญ่-น้อยอีกมากมาย
การมาเที่ยวกุ้ยหลิน ควรจะล่องเรือไปตามลำน้ำหลีเจียง เพื่อชมความงดงามสองฝากฝั่ง มีคำกล่าวว่า “หากมาเที่ยวกุ้ยหลินแล้วไม่ได้นั่งเรือล่องลำน้ำหลีแล้วละก็ หมายความว่าการเดินทางมาเที่ยวกุ้ยหลินของคุณขาดความสมบูรณ์อย่างสิ้นเชิง” ชนชาติจ้วง กุ้ยหลินมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาว“จ้วง” ซึ่งถือเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีจำนวนมากที่สุดของชนกลุ่มน้อยทั้งหมด
สถานที่ท่องเที่ยวกุ้ยหลิน
แม่น้ำหลีเจียง (Li River)
แม่น้ำหลีเจียง อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกว่างซี เป็นลำน้ำในเครือระบบแม่น้ำจูเจียง ต้นน้ำของแม่น้ำหลีเจียงเรียกว่าลำธารต้าหยงเจียง กำเนิดที่ดอยเหมียวเอ๋อร์ซานเทือกเขาเย่ว์เฉิงหลิ่งอำเภอซิงอานของเขตกว่างซี ไหลลดเลี้ยวหลบหลีกขุนเขา ผ่านเมืองกุ้ยหลิน เมืองหยางซั่ว เมืองเฟิงคาย มณฑลกวางตุ้ง รวมความยาว 431 กิโลเมตร
ล่องแม่น้ำหลีเจียง นับเป็นไฮไลต์ที่สุดของการมาเที่ยวเมืองกุ้ยหลิน เพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามของภูเขา สายน้ำ ผืนป่า การล่องแม่น้ำหลีเจียง มีทั้งการล่องในระยะสั้นคือล่องในเมืองกุ้ยหลิน ส่วนระยะยาวคือการล่องจากเมืองกุ้ยหลินไปเมืองหยางซั่ว ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เป็นเรือ 3 ชั้น มีบริการอาหารในเรือด้วย ทิวทัศน์แม่น้ำหลีเจียง ทิวทัศน์แม่น้ำหลีเจียง เป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดของเมืองกุ้ยหลิน ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกมาช้านาน ด้วยพื้นที่ที่อุดมไปด้วยภูเขาและป่าไม้ ช่วงแม่น้ำหลีเจียง ไหลผ่านจากเมืองกุ้ยหลินถึงเมืองหยางซั่ว ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตรนี้ เรียกว่าแม่น้ำหลีเจียง สองฟากฝั่งแม่น้ำหลีเจียงเป็นภูเขาสูงตระหง่าน รูปทรงแปลกตา บนยอดเขาหินจะมีพุ่มไม้ละเมาะ ภาพสะท้อนของยอดเขาบนผิวน้ำ บางครั้งเลือนรางบางครั้งชัดเจน และแต่งแต้มด้วยใบเรือสีแดงของเรือหาปลา ที่แล่นผ่านภาพขุนเขาสูงชันที่สะท้อนบนผิวน้ำ ช่างเหมือนภาพ “เรือน้อยแล่นไปบนยอดเขาเขียวขจี” ในจินตนาการทัศนียภาพตลอดลำน้ำหลีเจียงไม่ต่างอะไรกับภาพวาดพู่กันจีน
เขางวงช้าง (Elephant Trunk Hill)
เขางวงช้าง (เซี่ยงปี๋ซาน) สัญลักษณ์ของเมืองกุ้ยหลิน เขางวงช้าง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองตรงบริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำหลีเจียงและแม่น้ำถาวฮัว เป็นหนึ่งในภูเขาที่ขึ้นชื่อของเมืองกุ้ยหลิน อยู่ริมแม่น้ำหลีเจียง จึงเป็นสัญลักษณ์ของเมืองกุ้ยหลิน เขางวงช้าง ที่ได้ชื่อว่าเขางวงช้างนั้น มาจากรูปร่างของภูเขาหินที่คล้ายกับงวงของช้างที่กำลังโน้มลงเพื่อกินน้ำจากแม่น้ำหลีเจียงที่อยู่เบื้องล่าง บริเวณชายฝั่งแม่น้ำบริเวณนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาก ที่ใต้เขายังมี “ถ้ำคืนไข่มุก”เป็นจุดสนใจ ซึ่งว่ากันว่าเคยมีมังกรอาศัยอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้ ปัจจุบันถ้ำคืนไข่มุกนับเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในกุ้ยหลิน ที่ภายในถ้ำโดดเด่นด้วยพระพุทธรูปแกะสลักหินที่ผนังถ้ำ
ถ้ำขลุ่ยอ้อ (Reed Flute cave)
ถ้ำขลุ่ยอ้อ มีชื่อภาษาจีนกลางว่า “หลูตี๋เหยียน” ตั้งอยู่ชานเมืองกุ้ยหลิน อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร ที่มาของชื่อถ้ำขลุ่ยอ้อ มาจากของต้นอ้อที่ขึ้นอยู่ด้านหน้าถ้ำเป็นจำนวนมาและในอดีตนิยมเอาต้นอ้อมาทำขลุ่ย จึงป็นที่มาของชื่อ “ถ้ำขลุ่ยอ้อ” ภายในถ้ำขลุ่ยอ้อ มีหินงอกหินย้อยงดงามตลอดทาง มีภาพเขียนสีโบราณสมัยราชวงศ์ถัง มีการทำทางเดินและประดับประดาไฟภายในถ้ำ เพื่อให้สามารถชมความงามของหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ หินงอกหินย้อยภายในถ้ำแห่งนี้มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามที่คนในท้องถิ่นตั้งไว้ตามรูปร่างอันวิจิตรตระการตา อาทิ วังแก้วแห่งราชามังกร ที่คล้ายกับเมืองกุ้ยหลินบริเวณแม่น้ำหลีเจียงและหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกๆ อีกมากมายตามแต่จินตนาการ แต่ที่เป็นไฮไลท์ที่สุดของถ้ำขลุ่ยอ้อก็คือ “วังบาดาล” ที่เป็นวังน้ำมีหินงอกหินย้อย ทอดเงาตกสะท้อนลงในวังน้ำ ภายใต้แสงไฟสีน้ำเงินที่ส่องประดับ ท่ามกลางโถงถ้ำขนาดใหญ่ ดูแล้ววิจิตรงามดายิ่งนัก ส่วนช่วงสุดท้ายของถ้ำขลุ่ยอ้อก็ถือว่าน่าสนใจยิ่ง เพราะมีกินรูปคล้ายสิงโตตั้งตระหง่านคอยส่งแขก
เขาเหยาซาน กุ้ยหลิน
เขาเหยาซาน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองกุ้ยหลิน ห่างจากตัวเมืองกุ้ยหลินประมาณ 15 กิโลเมตร เขาเหยาซาน เป็นภูเขาที่อยู่ชานเมืองกุ้ยหลินและเป็นจุดชมวิวเมืองกุ้ยหลินที่สวยที่สุดอีกด้วย บนยอดเขาเหยาซาน สามารถชมภาพพาโนรามาจากมุมสูง (BIRD EYE’S VIEW) ของเมืองกุ้ยหลินและขุนเขานับร้อยรูปร่างแปลกตาสวยงามที่รวมกันเป็นหนึ่งจนแยกไม่ออกว่า เมืองอยู่ในหุบเขา หรือ ภูเขาอยู่ในเมือง การเที่ยวเขาเหยาซาน ต้องนั่งกระเช้าขึ้นบนยอดเขา ระหว่างทางก็จะเห็นผืนป่าที่อยู่เบื้องล่างและชมวิวที่สวยงามของภูเขาที่นับจำนวนไม่ถ้วน “สำหรับใครที่มาเที่ยวเมืองกุ้ยหลิน ก็ไม่ควรพลาดกับโปรแกรม นั่งกระเช้าเขาเหยาซาน เพราะนั่นเท่ากับว่าท่านขาดจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดแบบพาโนรามาของขุนเขาแห่งเมืองกุ้ยหลิน”
หลงเซิ่น กุ้ยหลิน
หลงเซิ่น เมืองที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ แร่ธาตุ เป็นเมืองน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชนเผ่าชาวเย้า
เมืองหลงเซิ่น มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญคือ หลงจี๋ หลงเซิ่น ตั้งอยู่ในทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอำเภอหลงจี๋ เนื่องจากบริเวณนี้ไม่มีพื้นที่ราบ ชาวบ้านจึงทำนาบนภูเขาในลักษณะขั้นบันได โดยไล่ตั้งแต่ตีนเขาจนถึงยอดเขา เนินเขาเตี้ยก็ดูเหมือนกับขดก้นหอย ส่วนภูเขาสูงก็ดูเหมือนเจดีย์ แต่ละขั้นแต่ละชั้น สลับซ้อนเรียงกันสูงขึ้นเรื่อยๆ นาขั้นบันไดหลงเซิ่น เป็นแปลงนาขั้นบันไดบนสันหลังมังกร ที่แลดูเหมือนกับมังกรเลื้อยรอบภูเขา
หมู่บ้านเย้าแดง กุ้ยหลิน
หมู่บ้านเย้าแดง อยู่ที่เมืองหลงเซิ่น มณฑลกวางไสบนภูเขาเหนือระดับน้ำทะเล ๘๘๐ เมตร มีชื่อเสียงในเรื่องทำนาขั้นบันได บ้านแต่ละหลังสร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตาปู แต่จะใช้วิธีเข้าเดือยสลักลิ่มแทน ก่อนเดินทางเข้าหมู่บ้านท่านจะได้เห็น ป้ายหินที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งได้จารึกกฎข้อบังคับของหมู่บ้านเย้าแดงไว้ และยังมีเสาหินเย้าแดงเป็นสัญลักษณ์ของชนเผ่าเย้าแดง เมื่อท่านเข้าสู่หมู่บ้าน ท่านจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นด้วยเสียงเพลงชาวเขาอันไพเราะ และแต่งกายอย่างสวยสดงดงาม นอกจากนี้ท่านยังมีโอกาสได้ชมการแสดงระบำพื้นเมือง และการแข่งกีฬาประเพณีประเภทต่างๆ ที่ตกทอดมาช้านานพร้อมชิมชาพื้นเมือง
เมืองลับแล กุ้ยหลิน
เมืองลับแล สร้างมาจากเรื่องแต่งของกวีเถาหยวนหมิง ขุนนางในสมัยราชวงศ์ชิงที่เบื่อระบบราชการ จึงได้ออกมาอยู่ชนบท แต่งบทกวีและเล่าเรื่องราวแห่งเมืองลับแลว่า “นานมาแล้ว มีชาวประมงมาพบเมืองในป่าดอกท้อ หลังจากเดินพ้นถ้ำเข้าไป ก็ได้พบกับบ้านเมืองที่สวยงาม ผู้คนในเมืองเป็นมิตร เขาได้รับการต้อนรับอย่างดี แต่ก่อนอำลา เขาได้รับคำกำชับจากชาวเมืองลับแลว่า อย่าเผยแพร่การพบเมืองแห่งนี้ หรือคิดจะกลับมาอีก เขาจากลาออกมาพร้อมกับทำเครื่องหมายไว้ตลอดเส้นทางแต่ครั้นเขากลับมาอีกครั้ง ทุกอย่างที่เขาพบเห็นก็หายไปสิ้น”