ข้อมูลเที่ยวสิงคโปร์ : รู้ไว้ก่อนไปเที่ยวสิงคโปร์
รู้ไว้ก่อนไปเที่ยวสิงคโปร์
เช็คสภาพอากาศก่อนเดินทาง สิงคโปร์มีอากาศคล้ายกับทางตอนใต้ของเมืองไทย อากาศโดยรวมไม่แตกต่างกันมากนัก (คือร้อนนะค่ะ ยกเว้นว่าช่วงฤดูหนาวอาจจะร้อนน้อยหน่อย) ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ทั้งนี้ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะจะมีมรสุมในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม (ฝนตกเยอะ) ขณะที่ด้านตะวันตกเฉียงใต้จะมีมรสุมในช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายน (ฝนตกน้อย) ส่วนเสื้อผ้าไม่ว่าจะฤดูไหนควรเลือกแบบโปร่งสบาย เพราะจะช่วยคลายร้อนได้ดีค่ะ นอกจากนี้ก็ควรพกร่มแบบพับได้ติดตัวไปด้วย เพื่อป้องกันฝนฤดูร้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แถมอีกนิด ก่อนจะวางแผนมาเที่ยว ให้ดูว่าช่วงที่มาตรงกับเทศกาลอะไรบ้าง จะได้สนุกสุดๆ กับทริปสิงคโปร์
สายการบินที่น่าสนใจ
สำหรับสายการบินต้นทุนต่ำที่ให้บริการไป-กลับกรุงเทพฯ-สิงคโปร์ ปัจจุบันเปิดให้บริการ 3 สายการบิน โดยสายการบินแรกที่ทางเราอยากแนะนำคือ สายการบิน Thai Air Asia ซึ่งมีเที่ยวบินตั้งแต่เช้าตรู่และกลับดึกๆ และราคาไม่แพง ถ้าช่วงปกติก็อยู่ราวๆ 5,000 กว่าบาท สายการบินต่อมาคือ Jet Star Asia ซึ่งเป็นสายการบินภายใต้การดูแลของ Qantas Air จากประเทศออสเตรเลีย โดยสายการบินนี้จะแตกต่างจากสายการบินต้นทุนต่ำทั่วไปตรงที่จะระบุที่นั่งแน่นอน แถมมีอาหารและเครื่องดื่มให้บริการด้วย ส่วนเวลาบินใช้ได้ แต่มีให้เลือกเพียง 2 เที่ยวเท่านั้น สุดท้ายสายการบิน Tiger Airways โลว์คอสต์สัญชาติสิงคโปร์ที่ให้บริการวันละ 2 เที่ยว แต่ราคาเกือบจะสูสีกับ Air Asia แถมเวลาก็ไม่ขี้เหร่ด้วย หากได้โปรโมชันดีๆ การเลือกเดินทางด้วยสายการบินนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
ข้อมูลที่ควรรู้
1. วีซ่า สิงคโปร์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่คนไทยสามารถเดินทางเข้าไปได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า เพราะเป็นประเทศภาคีกันเมื่อในอดีต ซึ่งการเข้าประเทศแต่ละครั้งจะอยู่ได้ไม่เกิน 14 วัน แต่ถ้าคุณต้องการขอวีซ่าไม่ว่าจะเป็นการเรียนต่อหรือทำงาน ก็สามารถทำเรื่องได้ที่สถานเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทยถนนสาทร
2. เงินทองต้องรู้ ค่าเงินของสิงคโปร์จะมีหน่วยเรียกเป็นดอลลาร์สิงคโปร์ (S$) ส่วนหน่วยย่อยๆ ก็เรียกเป็นเซนต์ (Cent) แบ่งเป็นธนบัตรตามอัตราราคาดังนี้ S$2, S$5, S$10, S$20, S$50, S$100, S$500, S$1,000, S$10,000 และเหรียญกษาปณ์ตามอัตราดังนี้ 1, 5, 10, 20, 50 Cent และ S$1 โดยปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยน S$1 จะเท่ากับประมาณ 24 บาท ทั้งนี้เวลาแลกเงินควรบอกเจ้าหน้าที่ว่าขอแบงก์ย่อยด้วย จะได้จับจ่ายได้สะดวก
3. โทรศัพท์ ถ้าเอาสะดวกสุดคงต้องใช้บริการ M Simcard ซิมที่สามารถใช้ได้กับมือถือทุกระบบ โดยผู้ที่ใช้บริการไม่ต้องไปเปิด Roaming ต่างแดนให้เสียเวลา (แค่ใส่ซิมที่มือถือของเราก็สามารถใช้โทร.ภายในสิงคโปร์และโทร.กลับมาเมืองไทยได้ทันที) ซึ่งซิมจะมีอายุการใช้งานนานถึง 6 เดือน และสามารถหาซื้อได้จากร้านที่จำหน่ายในเมืองไทยในราคาเพียง 690 บาทเท่านั้น
4. ไฟฟ้า ถึงประเทศสิงคโปร์จะใช้ไฟฟ้า 220-240 โวลต์เหมือนบ้านเรา แต่ปลั๊กไฟของที่นี่จะเป็นแบบ 3 ขาเหลี่ยม ดังนั้น หากอุปกรณ์ไฟฟ้าของเราไม่ใช่แบบ 3 ขาเหลี่ยม ก็ต้องหาซื้อตัวแปลงไปด้วย (ตามห้างสรรพสินค้าแผนกไฟฟ้า)
5. เวลาทำการ สำหรับเวลาเปิด-ปิดของธนาคารนั้นจะอยู่ที่เวลา 08.30-16.30 น. (วันจันทร์-ศุกร์ แต่บางที่ก็เป็น 11.00-17.00 น.) และ 08.30-13.00 น. (เฉพาะวันเสาร์ บางแห่งเปิดถึงเวลา 15.00 น. และบางแห่งไม่รับแลกเงินในวันนี้) ส่วนร้านค้าทั่วไปจะเริ่มเปิดตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. (ขึ้นอยู่กับย่าน อย่างไชน่าทาวน์จะเปิดเช้าปิดค่ำครับ)
6. บัตร Ez-Link บัตรอัจฉริยะที่สามารถใช้ชำระค่าโดยสาร ทั้งรถไฟฟ้าและรถโดยสารประจำทางสายต่างๆ ทั้งยังสามารถใช้เป็นบัตรเงินสดใน 7-11 ได้ด้วย โดยการใช้นั้นระบบจะตัดยอดเงินจากบัตร ทำให้สะดวกและไม่ต้องพกเงินสดติดตัวเยอะ ที่สำคัญยังได้ส่วนลดที่ถูกกว่าปกติด้วย ซึ่งคุณสามารถซื้อบัตร Ez-Link ได้ที่เคาน์เตอร์ของสถานีรถไฟฟ้าในราคา S$15 (เป็นค่าบัตร S$5 ค่ามัดจำ S$3 และมูลค่าในบัตรอีก S$7) และสามารถเติมเงินได้ตามสถานีรถไฟฟ้าทั่วไป
7. บัตร The Singapore Tourist Pass เดอะสิงคโปร์ทัวริสต์พาส (The Singapore Tourist Pass) เป็นบัตรเหมาจ่ายที่สามารถใช้บริการรถไฟฟ้าหรือรถโดยสารทั่วไปแบบไม่จำกัดจำนวนครั้งด้วย โดยมีให้เลือกทั้งแบบ 1, 2 หรือ 3 วัน และคิดราคา S$18, 26, 34 ตามลำดับ (เป็นค่ามัดจำบัตร S$ 10)
พักที่ไหนดี
ที่พักในสิงคโปร์มีให้เลือกหลายระดับ ตั้งแต่ที่พักระดับห้าดาวไปจนถึงไม่มีดาวอย่างเกสต์เฮาส์ ซึ่งราคาค่อนข้างสูงหากเทียบกับฮ่องกงหรือมาเลเซีย (ถ้ามีเรื่องทำเลที่ตั้ง คุณภาพ และฤดูกาลเข้ามาเกี่ยวอีก ราคาก็จะถีบตัวสูงเลย) โดยจากประสบการณ์ของทางเรา หากคุณแค่จะใช้เป็นที่ซุกหัวนอน เก็บข้าวของให้ปลอดภัย ควรเลือกพวกเกสต์เฮาส์หรือโฮสเทลที่เดินทางสะดวก ปลอดภัย อยู่ในเมือง แต่ถ้ามีเงินทุน ติดความสบาย ก็เลือกพักโรงแรมตามย่านแหล่งท่องเที่ยวเลยค่ะ (ย่านที่นักท่องเที่ยวนิยมไปพัก ได้แก่ ไชน่าทาวน์ ออร์ชาร์ด ลิตเติลอินเดีย และเกลัง)
การคมนาคม
สำหรับการเดินทางภายในสิงคโปร์นั้น คุณสามารถเลือกใช้บริการระบบขนส่งมวลชนหลักๆ ได้ 3 ประเภท คือ
รถไฟฟ้า/Singapore Mass Rapid Transit (MRT)
ระบบขนส่งที่คล้ายกับรถไฟใต้ดินบ้านเราและมีค่าโดยสารไม่แพง (อยู่ในช่วงราคา S$1-2. 10) โดยจะให้บริการตั้งแต่เวลา 05.30-00.06 น. สำหรับวันจันทร์-เสาร์ และ 05.59-00.06 สำหรับวันอาทิตย์และวันหยุดต่างๆ
รถโดยสารประจำทาง (Bus)
ระบบขนส่งมวลชนที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้รถไฟฟ้าเลย ซึ่งจะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. โดยมีทั้งแบบรถธรรมดาและรถปรับอากาศ สนนราคาไม่แพง ตกเที่ยวละ S$0.90-2.35 เท่านั้น
แท็กซี่ (Taxis)
มีให้เลือกตั้งแต่ระดับธรรมดาไปจนถึงระดับหรูอย่าง Limousines โดยราคาค่าโดยสาร 1 กิโลเมตรแรกเริ่มต้นที่ S$2.80 จากนั้นค่าโดยสารจะขึ้นอีก 10 เซนต์ทุกๆ 210 เมตร
เดินทางจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมือง
การเดินทางจากสนามบินชางฮีเข้าสู่ย่านที่พักในสิงคโปร์นั้นค่อนข้างสะดวก และสามารถทำได้ 3 วิธี คือ
MRT (Singapore Mass Rapid Transit)
การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นการเดินทางที่สะดวกรวดเร็ว และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมใช้กันมาก โดยสถานีรถไฟฟ้าจะตั้งอยู่ที่เทอร์มินัล 2 และ 3 ของสนามบินชางฮี ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 05.31-00.06 น. สำหรับวันจันทร์-เสาร์ และ 05.59-00.06 สำหรับวันอาทิตย์และวันหยุดต่างๆ
Airport Shuttle Service
จะเป็นรถแม็กซีแค็บแบบ 9 ที่นั่ง วิ่งให้บริการระหว่างสนามบินไปยังโรงแรมเกือบทุกแห่งในเมือง (ยกเว้นโรงแรม Changi Village และโรงแรมบนเกาะเซ็นโตซ่า) ซึ่งคุณสามารถเลือกลงตรงปลายทางที่อยู่ภายในย่านธุรกิจ รวมถึงสถานีรถไฟฟ้าได้ด้วย โดยจะเปิดให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง และออกทุก 15 นาทีในช่วงเวลา 06.00-24.00 น. หลังจากนั้นจะออกวิ่งทุกๆ 30 นาที
รถเมล์สาธารณะ (Public Buses)
วิธีนี้นับว่าเป็นวิธีที่ประหยัดที่สุดในการเดินทางเข้าเมือง แต่อาจจะใช้เวลานานสักนิด ซึ่งท่ารถจะตั้งอยู่ที่อาคาร 1 ชั้นใต้ดินชั้น 2 (Basement 2) และอาคาร 2 ชั้นใต้ดิน (Basement) โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น.