ข้อมูลเที่ยวนิวซีแลนด์ : กีวี 360 องศา !!
ข้อมูลเที่ยวนิวซีแลนด์ : กีวี 360 องศา !!
อย่างที่ทราบกันว่า สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศนิวซีแลนด์ก็คือ ผลไม้กีวี่นั่นเอง ประวัติศ่าสตร์กีวีเริ่มต้นในดินแดนแห่งนี้ขึ้นเมื่อราวหนึ่งร้อยปีกว่าปีที่ผ่านมา เมื่อมิสชันนารีชาวนิวซีแลนด์คณะหนึ่งไปเยือนยังประเทศจีน
ในการเดินทางกลับมาครั้งนั้นไม่ได้กลับมาตัวเปล่า แต่พวกเขานำผลไม้ชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่า ไชนิส กูสเบอร์รี (Chinese gooseberries) กลับมาด้วย และปลูกลองเพาะปลูกลงบนแผ่นดินของนิวซีแลนด์ครั้งแรกในปี คริสต์ศตวรรษที่ 18 แต่หลังจากปลูกลงบนผืนดินของนิวซีแลนด์ ด้วยดินฟ้าอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการปลูกพืช ปรากฎว่าผลไม้ชนิดนี้ก็มีรสชาติดีขึ้นกว่าที่นำมาจากจีนซะอีก ชาวนิวซีแลนด์จึงรับประทาน 'ไชนิส กูสเบอร์รี' กันมาเรื่อยจนถึงปัจจุบัน โดยให้สมญานามใหม่ของผลไม้ชนิดนี้ว่า กีวี่ฟรุต (Kiwifruit) ตามชื่อนกกีวีที่เป็นนกสัญลักษณ์ของประเทศ และเพื่อบ่งบอกว่านี่คือผลไม้ที่ส่งออกไปจากนิวซีแลนด์
Kiwi360 เป็นสวนผลไม้ กีวี่ผลไม้ที่โด่งดังที่สุดในนิวซีแลนด์เลยก็ว่า ได้ จนได้ชื่อว่าเป็นฉายาของประเทศนิวซีแลนด์ สวนนี้ตั้งอยู่บนเกาะเหนือ ในเมือง เทปูเก้ (Te Puke) ที่ตั้งอยู่ห่างจากตูรังก้า เพียงแต่ขับรถครึ่งชั่วโมง บางคนจะอ่านว่า เมือง ทารังก้า ครับ เมืองทารังก้านี้อยู่ในเขตของ Bay of Plenty ครับ จะอยู่ห่างจากเมืองใหญ่อย่าง Auckland โอ็คแลนด์ประมาณ สามชั่วโมงกว่าๆเท่านั้นพูดไปสับสนในตัวเอง เอาเป็นว่าเราไปที่เมืองเทปูเก้ละกัน เมืองนี้ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงโลกของผลไม้ดัง หนึ่งในสัญลักษณ์ของนิวซีแลนด์อย่าง “กีวี” นั่นเอง เพราะชื่อหัวข้อเรื่องก็บอกอยู่แล้ว สวนกีวี 360 องศา เป็น สวนกีวีขนาดใหญ่และมีไฮไลท์ตรงที่มีเฮลิคอปเตอร์ไว้บริการสำหรับนักท่อง เที่ยวที่ต้องการชมวิวในมุมสูง แต่คงไม่มีปัญหาสำหรับผมแน่ๆ ผมแค่นั่งรถรางท่องเที่ยวยังเบื้องล่างก็เกินพอแล้ว
สำหรับประวัติความเป็นมา Kiwi360 ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 โดยกะแค่เปิดให้คน New Zealand เข้าชม แต่เจ้าผลไม้เล็ก ๆ สีน้ำตาลที่มีขนยาว กลายเป็นที่นิยมมากและประสบความสำเร็จมากทำให้สวนนี้มีชื่อเสียงขึ้นมา ในปี 2004 ชื่อถูกเปลี่ยนเป็น Kiwi360 จนถึงทุกวัน ทางสวนเชื่อว่า เป็นความก้าวหน้าทางธุรกิจที่ดีขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของเราที่จะเป็นศูนย์กลางของสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมในระดับนานาชาติ 360 (องศา) หมายถึงการมุ่งเน้นการสัมผัสนิวซีแลนด์อย่างเข้าถึงวัฒนธรรมคนของที่นี่ นั่นเอง